EN01 The Huntsman Way - วิถีนักล่า
เมื่ออาชีพนักล่าสัตว์ร้ายเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเดิมพันสูง คาวินทร์บุตรแห่งราวินทร์ จากตระกูลนักล่าแห่งไซย์แอมรอดจากเหตุเรือแตก โชคชะตาพาเขาสู่เส้นทางใหม่ และการล่าคือหนทางเดียวที่จะพาเขากลับบ้าน
ระฆังบนหอสังเกตการณ์ตีเตือนให้ทหารเปลี่ยนเวรยาม ถนนผ่านตลาดพลุกพล่านด้วยผู้คน ทั้งชนต่างแคว้น พ่อค้า ชาวเมือง นักพนัน หรือแม้แต่อาชญากร ปะปนกันทั่วทุกมุมถนน ซุกซ่อนใต้เงาอาคาร ร้านรวงและแผงลอยเริ่มตั้งตามรายทาง สินค้ามากมายจากทั่วทุกสารทิศถูกนำมารวมกันไว้ที่นี่ ที่ดอร์กโบ เมืองหลวงแห่งฟรัวซ์
นับตั้งแต่กษัตริย์องค์ใหม่แห่งแคว้นฟรัวซ์ขึ้นครองราชย์ มีการจัดการแข่งขันมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการแข่งขันครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ทวีปยูโรกาเคยมีมา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเฉลิมฉลองการเถลิงบัลลังก์ของพระองค์
กษัตริย์ตั้งเงินรางวัลจำนวนสูงลิ่ว ผู้เข้าแข่งขันหลั่งไหลมาจากทั่วทุกทิศ การค้าที่เคยซบเซาลงเพราะสงครามกลับมาดีอีกครั้ง เสียงค้อนฟาดทั่ง เสียงการต่อรองราคาข้าวของดังวุ่นวายในยามฟ้าสว่าง ครั้นตะวันร่วงลา เสียงการฉลองแว่วไกลเมื่อฟ้ามืด ต่อเนื่องกันมานานหนึ่งเดือนนับตั้งแต่การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแข่งขันทั้งหมดเปิดฉากขึ้น...การแข่งล่าสัตว์ร้าย ฤดูกาลใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ค่าหัวสัตว์ร้ายแพงที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา
และเป้าหมายสูงสุดคือการล่าซูซัส มังกรยักษ์แห่งหุบเขามอดไหม้ มังกรที่ใหญ่ยักษ์และทรงฤทธิ์เดชที่สุด
นี่คือฤดูกาลแห่งการหาเงินทอง ฤดูกาลแห่งการหาเสียงและเรียกคะแนนนิยมจากปวงชน ฤดูกาลที่ผู้คนไร้ซึ่งความกลัวตายและพร้อมจะเดินเข้าปากมัจจุราชที่สุด
ห่างจากจัตุรัสกลางเมืองไปทางประตูทิศใต้ ใกล้แนวกำแพง เสียงวางแผนเบา ๆ ของพวกนักล่าดังมาจากในโรงเหล้าเล็กริมถนน กำลังวางแผนล่าตัวอะไรสักตัว มันแว่วไปถึงหูของแบร์ส ช่างตีเหล็กหนุ่มจากแคว้นไซเพน
“เชิญเข้ามาเลือกชมดูก่อนได้ขอรับ”ช่างตีเหล็กปัดเรื่องแผนล่าของคนไม่รู้จักทิ้งไป พยายามหาลูกค้าหน้าใหม่ด้วยการเชื้อเชิญให้ลองชมผลงาน แม้จะเหนื่อยกายจากการตีเหล็ก เหนื่อยใจเพราะได้ทำเลค้าขายไม่ดีนัก แต่ก็ยังสู้มานะหาเงินไม่บ่นสักคำ
การออกล่ารอบล่าสุดเริ่มขึ้นนานแล้วและยังไม่มีคนกลับ หลังผ่านไปหนึ่งเดือน สัตว์ร้ายก็ล่ายากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น พวกนักล่ามากหน้าหลายตาถูกหามร่างกลับมา บ้างสิ้นใจเพราะพิษบาดแผล บ้างกลับมาอย่างคนวิกลจริต อีกมากมายยังอยู่ข้างนอก แกะรอยล่า ดักจับ ทำทุกวิถีทางที่จะได้มาซึ่งตัวสัตว์ร้าย ในขณะที่ในเมืองมีการตั้งบ่อนพนัน มีการตั้งราคาต่อรองต่าง ๆ เช่น
ใครจะชนะการแข่ง
อามีเลีย แทง ๑ จ่าย ๒
การ์ราน แทง ๑ จ่าย ๑๖
ใครจะล้มซูซัส
ดาร์รีส แทง ๑ จ่าย ๕
คารัค แทง ๒ จ่าย ๕
ไม่มีใครฆ่าได้ แทง ๑ จ่าย ๑.๕
พรานล่าสัตว์ร้ายหางแถวยังเดินเตร่กันเต็มเมือง พวกนี้บางคนเป็นพวกขี้ขโมย บ้างเป็นพวกฝึกหัด ล่าสัตว์ร้ายขนาดเล็กและขนาดกลาง ชำแหละชิ้นส่วนมาขายกับร้านรับซื้อชิ้นส่วน หรือนำมาขายกับช่างทำเกราะ ทำอาวุธ แบร์สไม่ชอบพวกหางแถวนี่นักเพราะส่วนมากขี้โกง ขี้โวยวาย ไม่มีเงินแต่อยากใช้ของดีที่สุด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในยุคที่วัตถุดิบหายากและพึ่งผ่านสงคราม ช่างตีเหล็กหนุ่มวางมือจากค้อนเคาะเมื่อร่างหนึ่งมาหยุดยืนตรงหน้า
“ไง...โบเชอร์”
โบเชอร์ดอร์เกนหน้าย่นยู่ตัวสีดำ พวกนี้เป็นเผ่าเก่าแก่ มีความคิดอ่านเหมือนมนุษย์ เดินเหินอย่างมนุษย์ แต่ว่องไวกว่าทั้งแต่ละตัวยังมีความสามารถแตกต่างกันไปตามสายพันธ์ อย่างโบเชอร์ เจ้าหมาหน้าย่นตัวนี้นั้นขึ้นชื่อเรื่องการกัด มันมีกรามแข็งแรง กัดแล้วไม่หลุดง่าย ๆ ฝันร้ายของคนหรือพวกครึ่งคนด้วยที่ถูกกัด
“ฉันอยากได้โล่อย่างดี”มันว่าพลางหยิบแผ่นเหล็กกล้าไซเพนซึ่งสีหมอง ๆ เหมือนขึ้นสนิม เดาะบนมือแล้ววางลง
แบร์สไม่ตอบคำ เคาะแต่งรอยบุบบนเกราะที่ลูกค้าเอามาซ่อมตั้งแต่กลางเดือนก่อน ปล่อยให้โบเชอร์เดินดูของในเพิงของเขา เจ้าหมาหน้าย่นเห่าอยู่ในคอ เดินดูตามชั้นวางที่เขาจัดไว้ สักพักก็เอาเล็บเกี่ยวเห็บป่าตัวเป้งออกมาจากบนไหล่ ขว้างลงพื้นแล้วเหยียบเห็บแตกคาเท้า
“ไม่มีโล่ที่ทำจากแผ่นเกราะของสัตว์ร้ายรึ”
แบร์สยักไหล่นิดหนึ่ง มองข้ามตึกรามบ้านช่องซึ่งก่อสร้างจากหินและอิฐ แต่ละหลังล้วนเก่าคร่ำครึ ตะไคร่จับเขียว จากตัวอาคาร เขามองข้ามหลังคาทรงแหลมของหอคอย ธงทิวเทศกาลล่าสัตว์ร้ายขิงกษัตริย์ สู่ท้องฟ้ากว้างไกล ใต้ฟ้านี้ ทิศใดสักทิศ ชายหนุ่มคนนั้นกำลังออกไปหาวัตถุดิบมาให้ ด้วยการล่าสัตว์ร้ายค่าหัวแพง
การรอคอยนี้เป็นการรอคอยที่นานเกินไปสำหรับเขา
เสียงแมลงปีกแข็งกรีดปีกหยุดไปแล้ว ผืนป่าเงียบงันน่าพรั่นพรึง จากหลังบังไพร คาวินทร์กำด้ามปืนรอด้วยความอดทน สายตาที่เจนกับป่าทุกสภาวะกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนหยุดตรงปากถ้ำที่เฝ้าอยู่ เขามีดินปืนเหลือไม่มากแล้ว ลูกตะกั่วเหลือเพียงสองนัด ข้างหลังเขา ฮันโด แมวนักล่าขนสีส้มซึ่งเขาไปลากมาจากโรงเหล้าใกล้แพปลาที่เคยเป็นแรงงานอยู่เมื่อครั้งมาถึงแผ่นดินนี้ใหม่ ๆ กำลังขยับตัว ดูเหมือนจะมีเห็บหมัดรังควานจนมันทนไม่ไหว ฮันโดเป็นแมวเผ่าแคเทน
“อย่าขยับมากซิ”คาวินทร์หันไปดุคู่หูต่างพันธุ์ที่ตั้งท่าจะเกาคอ
ตาเล็กหรี่ของฮันโดมองเขาเหมือนประท้วง แต่มันก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาเพราะรู้ดีว่าหากกระโตกกระตาก งานที่ทำอยู่จะพังไม่เป็นท่า
“เจ้าสัตว์ร้ายนั่นอาจไม่ออกมาแล้ว”ฮันโดคลานกระดึบมาหมอบข้างคาวินทร์ ตาของมันมองลอดบังไพรไปยังปากถ้ำ หนวดกระดิกนิดหนึ่งด้วยครุ่นคิด
“เราจะเฝ้ามัน มันจะต้องหิวแล้วออกหากินแน่”คาวินทร์ไม่ค่อยหนักใจกับการรอคอยนัก เขานั่งซุ่มแบบนี้มาแล้วนับร้อย ๆ ครั้ง ตั้งแต่ยังเป็นนักล่าฝึกหัด พ่อมักจะพาเขาไปนั่งห้างด้วยบ่อย อดทนรอสัตว์ร้ายเข้ามาเป็นเป้า
ฮันโดพ่นลมหายใจแรงไล่ความขัดใจ “ดีโอการ์นั่นถูกธนูของอามีเลียสาหัสไม่น้อยก่อนมาถึงมือเรา ป่านนี้อามีเลียคงรวบรวมนักล่าของนางตามมาที่นี่แล้ว ทีนี้ล่ะ พวกนั้นจะปิดปากถ้ำล่ากันสนุกมือ เจ้าอย่ามาโวยเอาทีหลังก็แล้วกันคาวินทร์ เพราะข้าเตือนเจ้าแล้ว”
คาวินทร์เห็นใบหน้าของอามีเลียผุดขึ้นมาทันที นักล่าสาวจากเกาะบริตที่กำลังตามมาพร้อมกลุ่มนักล่าชาวบริตอีกกลุ่มใหญ่ ขุ่นเคืองและร้อนรนเพราะเขาล่อเจ้าดีโอการ์ที่กำลังถูกพวกนั้นล้อมจับออกมาจากวงล้อม คาวินทร์สลัดภาพใบหน้าของอามีเลียทิ้งไป จิบชาผักผสมน้ำผึ้งโดยไม่มองเจ้าแคเทนขี้บ่น ฮันโดเองก็ไม่พล่ามต่อ มันอาจกำลังเบื่อพูดกับเขาหรือคิดอะไรเตลิดไปตามประสาแมวผู้ช่ำชองการล่า ซึ่งก็เป็นแบบนี้บ่อยครั้งตั้งแต่ร่วมทางกันมานานแรมเดือน
ทั้งเขาและฮันโดต่างรู้นิสัยใจคอกันและกัน รู้ว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทีแบบนี้ ควรจะทำอย่างไร รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ ควรเลี่ยงหรือพูดต่อได้ อย่างเช่นตอนนี้ ฮันโดรู้ว่าเขากำลังคิดตามคำพูดของมัน มันจะเฝ้ารอคำตอบอย่างใจเย็น
คาวินทร์ยื่นชาสูตรเด็ดของพ่อให้ฮันโด เจ้าแมวคู่หูส่ายหน้าปฏิเสธ คิ้วขมวดชนกันด้วยรังเกียจชานี้เข้ากระดูกดำ
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่กินผัก เอาชาผักเขียวเหม็นหืนนั่นไปไกล ๆ ข้า”
“นี่ขวดสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไม่ลองตอนนี้ ไม่รู้จะได้ทำเพิ่มอีกเมื่อไหร่ จะได้กลับไปแบบมีชีวิตหรือเปล่าก็ไม่รู้” เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ ฮันโดเองก็รู้และอาจรู้ดีกว่าเขา การล่าดีโอการ์นี้อาจยืดยาวออกไปเรื่อย ๆ เพราะนักล่าทั้งหลายต่างอยากมีเอี่ยว บนแผ่นดินนี้ นักล่าทั่วแคว้นต่างตามล่าสัตว์ร้ายที่เดินท่องเที่ยวบนพื้นพิภพ แหวกว่ายในน้ำ และบินบนอากาศเพื่อไปขึ้นเงินค่าหัวแล้วแลกแต้มสะสมเกียรติยศแห่งนักล่า กรุยทางสู่การนำทัพแห่งยูโรกาออกล่าสัตว์ร้ายที่ค่าหัวมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยพบเห็นว่าเป็นตัวอย่างไร
ฮันโดวาดหางไปมา แสดงให้รู้ว่ามันอารมณ์ไม่ดีนัก คาวินทร์เก็บขวดแบนบรรจุชากลับคืนซองหนังตรงเอว หยิบเอาถุงเย็บจากกระเพาะแกะที่มีน้ำเหลือครึ่งหนึ่งส่งให้แทน ฮันโดกระดิกหูไล่แมงหวี่แล้วรับน้ำไปเทใส่ชามกะลามะพร้าว ยกขึ้นเลียอย่างกระหาย
“เปลี่ยนเป็นเหล้าคงดีซิ”มันว่าพลางครางเสียงเครือในคอ
คาวินทร์หันกลับไปมองปากถ้ำ สัมผัสได้ว่าเจ้าแมวขี้หงุดหงิดกำลังมองตามเช่นกัน
“ถ้าก่อนค่ำมันยังไม่ออกมา ข้าจะระเบิดถ้ำนั่น”
“นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึคาวินทร์”ฮันโดหันมามองเขา
“ข้าพูดจริง”
“เสียงระเบิดจะเรียกนักล่าในรัศมีหนึ่งไมล์รอบตัวเรามาที่นี่ พวกชุบมือเปิบที่มีเยอะจะมาก่อนใคร ทีนี้มีหวังได้ฆ่ากันตายเป็นเบือ”
“ทำอย่างกับเราไม่เคยทำมาก่อน”คาวินทร์ไม่ละสายตาจากศูนย์ปืน เขารู้ดีว่าจะต้องเจออะไรบ้างตอนลงชื่อร่วมลงแข่งขันล่าสัตว์ร้ายครั้งนี้ ยิ่งตอนจดชื่อดีโอการ์ลงไปในรายการล่าส่วนตัว ทุกอย่างที่คิดไว้ยิ่งเห็นชัดกว่าเดิมมาก ด้วยมันเป็นสัตว์ร้ายค่าหัวแพงติดหนึ่งในสิบของทวีปยูโรกา ไม่มีนักล่าคนไหนไม่อยากได้หัวของมัน และคนบางพวกไม่สนเรื่องวิธีการมากนัก หากลงมือล่าเองไม่ได้ การช่วงชิงมาด้วยการปล้นฆ่าคนอื่นก็เป็นอีกทางเลือกที่คนพวกนั้นมักใช้ เขากับฮันโดพบกับคนพวกนี้หลายหนตั้งแต่เริ่มเปิดฤดูกาลล่า จัดการมาก็มาก แต่พวกชุบมือเปิบที่ฮันโดเรียกก็ไม่เคยจะลดลงไปจากสังคมนักล่า เขาเข้าใจความเบื่อหน่ายและกังวลกับคนพวกนี้ของฮันโดดี
คาวินทร์มองร่องรอยที่สัตว์ร้ายทิ้งไว้ตรงปากถ้ำชัดเจน ดีโอการ์เป็นสัตว์ร้ายขนาดกลาง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมดุร้ายและกินเนื้อเป็นอาหาร รูปร่างของมันคล้ายหมีแต่ไม่อุ้ยอ้าย ตำนานว่ามันมีต้นตระกูลเดียวกันกับหมีที่พบเห็นได้ในป่า แต่ผ่าเหล่าออกไปเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายเมื่อแม่หมีท้องแก่บางตัวถูกค้างคาวยักษ์กัดแล้วเกิดติดเชื้อร้าย ส่งผลให้ลูกหมีที่เกิดมามีรูปร่างคล้ายหมีแต่มีปีกค้างคาวยักษ์บนหลังและมีรูปร่างผอมบางกว่า เวลาผ่านไปหลายร้อยหลายพันปีก่อนมนุษย์ถือกำเนิด พวกมันวิวัฒนาการจนถึงขีดสุด กลายเป็นดีโอการ์ดังเช่นทุกวันนี้ บางครั้งเมื่อย้อนคิดถึงต้นกำเนิดของมันอันเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ของชาวยูโรกา คาวินทร์ก็อดขำไม่ได้
ฮันโดและเหล่านักล่าในยูโรกาเรียกดีโอการ์กันติดปากว่าเจ้าหมีบินได้ ตามลักษณะเด่นของมัน ต่างกับคาวินทร์ที่มาจากทวีปอาร์เซีย ที่ไซย์แอมบ้านเกิดเขาหรือแคว้นอื่นในอาร์เซียเรียกมันว่าหมีนรก ชาวอาร์เซียเชื่อว่ามันคือสัตว์จากยมโลก ผู้ที่พบเจอจะตกอยู่ในภาวะกึ่งเป็นกึ่งตาย บ้างก็จิตวิปลาส เมื่อแรกเขาคิดว่ามันเป็นสัตว์ร้ายต่างชนิดกัน แต่จากบันทึกของฮันโดที่เขาแปลมาเป็นภาษาไซย์แอม ดีโอการ์กับหมีนรกคือสัตว์ร้ายสายพันธุ์เดียวกันไม่ผิดแน่ ทั้งนี้ในบันทึกของฮันโดนั้นยังบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ร้ายอย่างละเอียด มีบอกจุดอ่อนจุดแข็งและพิษสงของสัตว์ร้ายตัวนั้น ๆ อย่างในกรณีของดีโอการ์ ฮันโดเน้นย้ำในบันทึกว่ามันมีการปล่อยกลิ่นประหลาดที่ทำให้เกิดภาพหลอนขั้นรุนแรงเมื่อสูดดมเข้าไป นอกจากนี้แคเทนขนส้มยังได้ทำเครื่องหมายใส่ท้ายไว้ให้ด้วยว่า
*ยังไม่มีใครบอกได้ว่าตอนเกิดภาพหลอนนั้นรู้สึกอย่างไร เพราะผู้ที่รอดมักเพ้อพกและเสียสติ พึงระวังเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าอ่านมันสิบรอบเห็นจะได้ ตั้งแต่เข้าร่วมล่าไอ้หมีบ้าตัวนี้”ฮันโดหัวเราะในคอเล็ก ๆ ของมัน
“ข้าต้องจับมันให้ได้ หรือไม่ก็ฆ่ามัน ค่าหัวของมันจะทำให้ข้ามีเหรียญทองมากพอจะแบ่งไว้สำหรับจ้างเรือกลับบ้าน”
“นี่เจ้ายังคิดจะกลับไซย์แอมอีกรึคาวินทร์ เลิกคิดได้แล้ว”
คาวินทร์เก็บสมุด ไม่ใส่ใจกับคำพูดของแคเทน เขารู้ดีว่าฮันโดเบื่อจะฟังเรื่องการเก็บออมเหรียญทองเพื่อกลับบ้านของเขาแล้ว แน่ล่ะ ใครจะไปชอบเรื่องราวรันทดกันล่ะ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องรันทดหดหู่ แต่บางครั้งมันก็เกิดขึ้นเอง ทางเดียวที่จะผ่านมันไปได้คือมีชีวิตอยู่ จัดการกับเรื่องค้างคาใจให้เสร็จแล้วมีชีวิตใหม่
คาวินทร์ยกปืนพกขึ้นพาดเข่าที่ชันขึ้นมารอง ตามองไปยังปากถ้ำ “ข้าจะต้องแก้แค้น แล้วพาพ่อกลับบ้านให้ได้”
ฮันโดถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าแมวครึ่งคนเบื่อจะฟังเรื่องของพ่อเช่นเดียวกับที่มันเบื่อฟังเขาพูดว่าจะกลับบ้าน มันถอยไปยังกองสัมภาระ ขดตัวเตรียมงีบเอาแรง ปล่อยให้ชายหนุ่มจากต่างแดนนั่งเฝ้าบังไพรเพียงลำพังอย่างเดิม
“ตื่นแล้วช่วยไปดูลาดเลาให้ด้วยนะลุงฮันโด”
“ท่านฮันโดโว้ย ไอ้คนต่างชาติ”
คาวินทร์ไม่ต่อคำ ปล่อยให้เจ้าแมวขี้หงุดหงิดนอนพัก ท่ามกลางป่ากว้างที่ภัยอันตรายจะออกมาเมื่อใดก็ได้นี้ เหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเฝ้าปากทางเข้ารังสัตว์ร้ายท่ามกลางกลิ่นอายแห่งมัจจุราชอวลอบรอบตัว
นักล่าหนุ่มมองดวงตะวันที่ห้อยโตงเตงบนฟ้าคล้อยลง ยุงป่าบินหวี่ ๆ ตอมหัวหู ระหว่างนั่งซุ่มก็ต้องขยับตัวไล่มันเพราะตบไม่ได้ ชุดเกราะหนังที่สวมบัดนี้เปียกชุ่มด้วยเหงื่อ เหนียวเหนอะหนะจนอยากถอดทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องทนเอาด้วยเพราะสิ่งไม่คาดคิดโผล่ออกมาได้เสมอ อาจออกมาจวนตัวจนต้องปะทะตรง ๆ การสวมเกราะเอาไว้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
แสงแดดล้วงลอดมาตามช่องว่างระหว่างกิ่งก้านสาขาต้นไม้ใหญ่ สาดลงไปตรงลานกว้างหน้าปากถ้ำที่โดยรอบค่อนข้างทึบและมืดด้วยเงื้อมเงาของป่า คาวินทร์มองไปยังป่ามืดทึบบนไหล่เนินฝั่งตรงข้าม ย้อนคิดถึงตอนที่นั่งเรืออกมาจากไซย์แอม มุ่งหน้าสู่มหาสมุทรกว้าง ภาพวันที่ถูกล่ามขึ้นไปยังแท่นประมูลแรงงานใกล้แพปลาเมอร์ไซด์ค่อยเคลื่อนมาเบียดบังภาพน้ำทะเล ชัดเจนเหมือนเพิ่งเห็นเมื่อวาน ทั้งที่ผ่านมาแล้วสามเดือน สามเดือนอันยาวนานและยากลำบากสุดแสน
คาวินทร์ภาวนาขอให้สัตว์ร้ายรีบออกมาเสียตอนนี้ ตอนที่แดดยังส่องตรงลานหญ้าหน้าปากถ้ำ ความหวังของเขาอยู่ที่มัน ที่แสงแดดนั้น ความหวังที่จะได้กลับบ้าน ความหวังที่จะได้กู้เกียรติของนักล่าที่ตัวเองทำมันด่างพร้อยเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาบนแผ่นดินยูโรกา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ที่เป็นกุญแจสำคัญ
“ฮันโด”คาวินทร์เรียกคู่หูเบา ๆ แต่มันไม่ตอบกลับ
“ฮันโด”เขาเรียกย้ำอีก
“อะไร”แมวตัวส้มถามด้วยเสียงหงุดหงิดงัวเงีย
“มันมาแล้ว”
ฮันโดดีดตัวผึง คลานกระดึบมาหมอบใกล้ ๆ
“โอ แม่สาวน้อยขนปุกปุย”ฮันโดครางในคอ ตาจ้องไปยังปากถ้ำไม่กระพริบ เช่นเดียวกับคาวินทร์
เท้าข้างซ้ายที่มีเล็บยาวแหลมแพลมออกมาตรงแสงสว่าง มันรีรออยู่อึดใจ การรีรอของมันทำให้ทุกอย่างตึงเครียดกว่าเดิม ทั้งคนทั้งแมวครึ่งคนไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ยอมออกมา มันสากลิ่นพวกเขาหรือสำเหนียกอันตรายภายนอกได้ หรืออะไร สุดที่จะคาดเดา
“ออกมาซิ ออกมา”คาวินทร์ประทับปืนเล็งไปที่ปากถ้ำ กะระยะความสูงขึ้นมาจากเท้าที่เห็นเล็กน้อย ถ้ามันก้าวออกมาอีกก้าว ลำตัวหรือหัวของมันจะเข้าทางปืนอย่างพอเหมาะพอดี และระยะเท่านี้ อำนาจปืนไฟในมือเขายังเที่ยงตรงไว้ใจได้
การรอคอยนานชั่วกัปชั่วกัลป์สิ้นสุดลง เท้าขวาของดีโอการ์ก้าวล้ำออกมาพร้อมกับหัวใหญ่โตที่กำลังสอดส่ายมองซ้ายขวา คาวินทร์ง้างนก ปืนไฟที่เช็ดน้ำมันทำความสะอาดอย่างดีไม่มีแม้แต่เสียงกลไกภายในขยับ
“ยิงมันซิ”ฮันโดร้อนใจจนหางตั้ง
“เย็นไว้”คาวินทร์กระซิบตอบ
ลำตัวอันบึกบึนกำยำของหมีมีปีกโผล่ล้ำออกมาจากความมืดครึ่งตัวแล้ว คาวินทร์ค่อย ๆ เลื่อนศูนย์ปืนไปยังตำแหน่งที่หมายตาไว้ นั่นคือกระดูกสันหลังของสัตว์ร้าย หวังจะปิดการล่าด้วยการยิงเพียงนัดเดียว นัดเดียวที่ต้องแม่นยำพอจะผ่านรอยต่อของเกราะหุ้มบนหลังคอของมันเข้าไปถึงผิวหนังหนาและเจาะลงตรงกระดูกสันหลังตามที่ต้องการ
“เปิดช่องหน่อยซิเพื่อนยาก เปิดช่องเกราะนั่น”คาวินทร์เลื่อนศูนย์ปืนตามเพื่อหาช่องยิง เหงื่อกาฬผุดตรงขมับ ไหลหยาดลงมายังแก้ม
เจ้าสัตว์ร้ายสยายปีกกว้างเตรียมโผขึ้นฟ้า รอยต่อของเกราะบนหลังสองชิ้นเปิดออกเมื่อมันก้มหัวลงมองพื้น
ปัง ! คาวินทร์กดไก เสียงปืนกัมปนาททั่วผืนไพร
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวแทบพังผืนป่าราบเป็นหน้ากลอง สัตว์ร้ายต้องกระสุนปืนขยับปีกรวดเร็ว ลมใต้ปีกกระพือพัดบังไพรปลิวว่อนประหนึ่งใบไม้
“เผ่น!”ฮันโดร้องเตือน
คาวินทร์คว้าหอกซัดสองเล่มที่พาดบนกองสัมภาระมาถือ เงาสัตว์ร้ายพาดทับร่างของเขา ฟ้ามืดทะมึน ทุกอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวได้ทัน
“อย่ายืนบื้อซิโว้ย ไอ้มนุษย์โง่”เสียงฮันโดดังมาจากที่ไหนสักที่
กลิ่นสาบสางฉุนกึกแตะนาสิกสัมผัส เจ้าสัตว์ร้ายคำรามลั่น น้ำลายเปรอะเต็มหน้ามนุษย์ที่บัดนี้กลายเป็นผู้ถูกล่า หางยาวที่หุ้มด้วยเกราะหนาของมันฟาดลงมาทั้งที่มันยังบินอยู่บนอากาศ คาวินทร์กลิ้งหลบไปได้เฉียดฉิวก่อนจะพุ่งหอกสวนออกไปหมายให้โดนช่วงอกของเจ้าหมีบินได้ซึ่งปราศจากเกราะหุ้ม
“หนี!”
เสียงร้องเตือนของฮันโดเหมือนจะช้าไปแล้ว คาวินทร์ไม่เคยประจันหน้ากับความตายใกล้เท่านี้มาก่อน พอหอกที่พุ่งออกไปถูกปัดปลิวขึ้นฟ้า เงาของดีโอการ์ที่พาดทับมาเหมือนจะยื่นมือรวบคอหอยเขาไว้แล้วทั้งที่มันยังไม่ได้ขยับแม้แต่ปลายนิ้ว สัตว์ร้ายที่บินตรงหน้าคำราม เสียงที่ดังราวฟ้าผ่าผลักเขาถอยไปหลายก้าว มันบินโฉบหาพร้อมกับตบ กรงเล็บเฉี่ยวคอหอยไปเพียงคุลี
นักล่าจากไซย์แอมขยับเท้าถอยฉาก เจ้าสัตว์ร้ายหันหน้ากลับมาหา คาวินทร์ปลดโล่จากขอเกี่ยวตรงเกราะหลัง ชักดาบคู่จากฝักสะพายไหล่ ฟันลงบนขาหน้าของดีโอการ์ขณะดีดตัวถอยหนีการตะปบ คมดาบกระทบเกราะหุ้มขาหน้าของสัตว์ร้าย เขาได้ยินเสียงเกราะร้าวชัดเจนแต่ไม่มีโอกาสซ้ำดาบสอง ต้องหนีหัวซุกหัวซุนลงจากเนินที่ยึดเป็นชัยภูมิซุ่มสังหาร
กรงเล็บของดีโอการ์เฉี่ยวหลังเขาไปตอนกระโดดลงจากเนิน มันบินข้ามหัวเขามาดักตรงตีนเนิน ตอนนี้เองที่ฮันโดโผล่ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมหน้าไม้รัดแขนซึ่งเล็งไปยังดีโอการ์ที่หันหลังให้
“หลบไป”
คาวินทร์โจนเข้าไปหลบหลังพูพอนของไม้ใหญ่ เจ้าดีโอการ์เบนเป้าไปยังผู้มาใหม่ กระพือปีกดีดตัวขึ้นสูง ลมจากปีกของมันพัดแมวนักล่าตัวจ้อยที่ยืนอยู่บนโขดหินปลิวพร้อมฝุ่นทรายหนา ฮันโดยึดเอารากไม้ไว้ได้ด้วยเล็บคม มันปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้
“เสร็จข้า”เจ้าแมวแคเทนยืนจังก้าบนคาคบสูง หน้าไม้เล็งมายังสัตว์ประหลาดตัวมหึมาใต้เท้า ดีโอการ์หุบปีก พุ่งสวนหน้าไม้ ฮันโดกดไกติดกันสามครั้ง ลูกดอกสามดอกพุ่งสวนกรงเล็บที่กางกว้าง เจ้าแมวครึ่งคนพอยิงหน้าไม้แล้วก็พุ่งหลาวลงจากกิ่งไม้ พอดีกับดีโอการ์ที่ถูกลูกดอกหน้าไม้เสียจังหวะพุ่งขนลำต้นอย่างแรงก่อนร่วงลงมาดิ้นพราดที่พื้น
คาวินทร์ซึ่งรอโอกาสอยู่นานแล้วดีดตัวจากโขดหินตรงลานหน้าถ้ำ ดาบในมือปักดิ่งลงหมายเสียบโคนปีกเจ้าหมีประหลาดอันเป็นตำแหน่งที่ไร้เกราะหุ้ม สัตว์ร้ายคำราม ยันตัวมันลุกขึ้น ปีกคู่ใหญ่ของเจ้าหมีบินกางออกแล้วสะบัดฟาดเขาปลิวไปชนต้นไม้ แรงกระแทกเล่นเอาจุกจนลุกแทบไม่ไหว เขาไม่มีเวลาตั้งรับ ดีโอการ์พุ่งตามเข้ามา เขี้ยวยาวของมันอยู่ห่างออกไปเพียงวาเดียว คาวินทร์ยันกายขึ้นนั่ง กลิ้งตัวหลบหลังต้นไม้ รอดกรงเล็บไปได้อีกหนราวปาฏิหาริย์
“บ้าที่สุด”คาวินทร์สบถ กระถดหนีกรงเล็บที่ป่ายตบเข้ามาพัลวัน
“ล่อมันเอาไว้”เสียงฮันโดแว่วมาจากบนต้นไม้ด้านหลังเจ้าดีโอการ์ “ขาอีกข้างมันติดกับกิ่งไม้ ข้าจะจัดการมันเอง”
คาวินทร์เสือกดาบแทงอุ้งเท้าอันทรงพลังที่ล้วงเข้ามาหาตน สัตว์ร้ายต้องคมดาบคำราม ทั้งเจ็บปวด ทั้งโมโห นักล่าหนุ่มตวัดดาบปัดกรงเล็บที่ตบวกมา แรงปะทะทำเอาแขนข้างที่ถือดาบเข้าต้านปวดหนึบ หากไม่มีสนับศอกกับเกราะรัดไหล่ ไม่แน่เขาอาจมีกระดูกข้อต่อหลุดไปบ้างแล้วก็เป็นได้
สัตว์ร้ายชะงักงันหลังถูกดาบต้าน ถือเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า ตอนนี้เขาพอมีเวลาตั้งตัวแล้ว คาวินทร์ยกโล่ขึ้นบังสูง ปลายดาบยื่นออกไปประหนึ่งหนามเม่น พร้อมปักอะไรก็ตามที่ขยับมาใกล้
“อย่างนั้นแหละเมี้ยว อย่างนั้น”เสียงฮันโดดังมาจากบนหัวของเขา มันย้ายตำแหน่งรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ มันก็มาโผล่ฟากเดียวกับเขาแล้ว
“เจ้าจะทำอะไร ฮันโด”
“ระเบิดมันซิ เมี้ยว”
คาวินทร์รับรู้ความมาดมั่นของเจ้าแมวได้ในน้ำเสียง เขารู้ว่าฮันโดเหลือลูกดอกติดดินระเบิดอีกเพียงสามดอก สามดอกที่เก็บติดตัวมาตลอดหลายปีเพื่อการเดียว เพื่อจัดการซูซัสมังกรสายฟ้า คู่แค้นตั้งแต่สมัยยังเป็นคู่หูกับวอร์เดน ตำนานนักล่าแห่งยูโรกา
“เก็บระเบิดเอาไว้ฮันโด”คาวินทร์ตะโกนแข่งกับเสียงคำราม
ไม่ทันเสียแล้ว ลูกดอกหัวระเบิดพุ่งจากหน้าไม้ติดข้อมือของฮันโด ปักลงบนเกราะหุ้มขาหน้าข้างซ้ายของดีโอการ์ แรงระเบิดทำให้เกราะนั้นแตกหลุดเหลือแต่แผลกว้าง สะเก็ดระเบิดคงฝังอยู่ในนั้นด้วย มันคำราม ขาหน้าที่เจ็บปัดเอาคาวินทร์ซึ่งพยายามเข้าไปซ้ำปลิวไปชนโขดหินตรงตีนเนิน ฮันโดกระโจนลงมาจากกิ่งไม้ เกาะหลังเจ้าหมีประหลาดได้ชั่วครู่ก่อนถูกสลัดปลิวหายไปในพงรก เจ้าสัตว์ร้ายกำลังคลั่งอย่างที่สุด
“เกือบตัดปีกมันได้แล้วเมี้ยว”ฮันโดพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ ชักมีดออกไปหมายจะประจัญบาน
คาวินทร์เหนี่ยวเกราะของฮันโดเอาไว้ เขารู้ว่าเจ้าเหมียวกำลังโกรธจัด แต่ดีโอการ์เจ็บกำลังล่าถอยกลับเข้าถ้ำ พวกเขาไม่ควรเสี่ยงเข้าไปตอนนี้เพราะอาจเจอกับการโจมตีที่คาดไม่ถึงได้ อีกประการหนึ่ง เจ้าสัตว์ร้ายบอบช้ำและหมดแรง พวกเขาอาจจับมันแบบเป็น ๆ ได้ ซึ่งจะได้ราคาค่าหัวสูงกว่า
“อย่าปล่อยมันเข้าถ้ำซิไอ้เจ้าโง่”ฮันโดหันมาโวย ตาวาวมองตามเงาดีโอการ์ที่กำลังถูกกลืนด้วยความมืดข้างในถ้ำ
“ข้าจะจับมัน ปล่อยมันเข้าไป”คาวินทร์ปล่อยมือจากชุดเกราะของฮันโด เจ้าแมวแคเทนพาร่างสูงเพียงเข่ามนุษย์ของมันเดินหางม้วนไปหยุดตรงหน้าปากทางเข้ารังมัจจุราชที่บัดนี้จนตรอกแล้ว เพียงชั่วครู่หลังจากนั้นมันก็ทำขนพอง ขู่ฟ่อ
“ข้าไม่เข้าไปแน่คาวินทร์”
คาวินทร์โยนโล่ลงบนพื้นตรงหน้า บิดแขนขาพอให้หายจากอาการปวดเคล็ด ปลดถุงน้ำโยนให้เจ้าเหมียวจอมโวยวายที่หันมามอง มันรับไปเทใส่ปาก เขาหยิบดาบเล่มที่ตกมาวางใกล้โล่ ชักดาบอีกเล่มที่เป็นคู่ของมันออกมาตรวจดู
“เจ้าจะทำอะไรคาวินทร์”ฮันโดมองนักล่าจากต่างแดนดึงหินลับมีดแบบพกพาออกมาจากซองหนังติดเข็มขัดแล้วลงมือลับดาบเล่มที่บิ่นเพราะปะทะกับเกราะของดีโอการ์
ฮันโดมีท่าทีกระวนกระวาย แม้จะผ่านการล่าสัตว์ร้ายกับตำนานนักล่าวอร์เดนมามาก แต่การล่าดีโอการ์ครั้งนี้หนักหนาใช่ย่อยสำหรับมัน นักล่าหนุ่มมองเห็นความกังวลในทุกการเคลื่อนไหวของคู่หู จากการอยู่ร่วมกัน ล่าร่วมกันมาแรมเดือน สิ่งผิดปกติทุกอย่างไม่ว่าฮันโดจะพยายามซ่อนหรือกลบเกลื่อน ก็ไม่มีทางรอดสายตาเขาไปได้
“ข้าจะเข้าไป”คาวินทร์เก็บดาบกลับเข้าฝัก
“อะไรนะ เจ้าว่าไรนะมนุษย์โง่”
คาวินทร์ใช้เท้างัดโล่ขึ้นมาจากพื้น ลูบรอยเล็บของดีโอการ์ที่ฉีกหนังวัวซึ่งบุเป็นชั้นนอกสุดของโล่ขาดลุ่ย นึกภาพหากเป็นตัวเองโดนกรงเล็บนี้แล้วจะตกอยู่ในสภาพไหน ต้องขอบคุณโล่ทรงกลมตีจากเหล็กกล้าของช่างตีดาบพเนจรชื่อแบร์สซึ่งใช้ทนและช่วยชีวิตเขาไว้ได้อีกครั้ง หากไม่มีโล่ในมือนี้ เขาอาจกลายเป็นศพไปแล้ว
“ข้าจะเข้าไป”
“นี่เจ้าเสียสติใช่ไหมคาวินทร์ ถ้ำนั่นอับ เข้าไปเจ้าอาจถูกกลิ่นสะกดรม เห็นภาพหลอนตายกลายเป็นเหยื่อของมัน”
“ค่าหัวของมันมากพอจะทำให้ข้าลืมความเสี่ยงนั้นไปได้”
ฮันโดขู่ฟ่อ หางพองวาดไปมาด้วยโมโห
“ข้าไม่เคยเห็นใครบ้าอย่างเจ้ามาก่อนคาวินทร์ คนเหนือเป็นอย่างนี้ทุกคนเลยรึ”
“ข้าเป็นชาวไซย์แอม”คาวินทร์หยิบหอกซัดเล่มสุดท้ายที่ตกอยู่ใกล้กับกองสัมภาระขึ้นมาถือ มองไปยังความมืดข้างในถ้ำก่อนเงยหน้าขึ้นมองดวงตะวัน
ฮันโดแทบจะตะกุยต้นไม้ที่มันพิงอยู่แหลกเละเพราะขัดใจ จากประสบการณ์การล่าอันยาวนานของมัน นี่คือสิ่งที่บ้าที่สุดจริง ๆ
คาวินทร์ยื่นมือไปยังฮันโด เจ้าแมวมองด้วยสายตาหงุดหงิด
“อะไร จะเอาอะไร มาแบมือขอข้าทำไม”
“ข้าต้องการเหล้า”
“ข้าไม่มีเหล้าอะไรที่เจ้าว่า”
“อย่ามาโกหกน่า ถ้าแมวขี้เมาอย่างเจ้าไม่พกเหล้า ฟ้าก็คงไม่มีเดือนมีดาว เร็ว ๆ ส่งมันมาให้ข้า”
ฮันโดถอนใจ คิ้วหมวด หนวดกระดิก ล้วงเข้าไปในชุดเกราะ หยิบเอาขวดแบนแบบพกพาส่งให้อย่างเสียไม่ได้
“ระเบิดที่เจ้ายิงจะเรียกนักล่าทุกคนมาที่นี่ เฝ้าปากถ้ำไว้ให้ดี เอาดินปืนในย่ามข้าไปฝังดินรอบ ๆ ไว้ ถ้าใครเห็นเจ้า ก็จะรู้ว่ามีข้ากับกับดักอยู่รอบ ๆ นี้ พวกมันจะไม่ผลีผลามเข้ามาแน่ ต้องขอบคุณความโด่งดังของเจ้าฮันโด ถ้าไม่มีเจ้า แผนกันคนของข้านี้คงสำเร็จ”
“ไม่ต้องมาแกล้งยอข้า”
คาวินทร์แสร้งทำหูทวนลม“เฝ้าไว้ ถ้าพรุ่งนี้ข้ายังไม่ออกมา”เขาจิบเหล้านิดหนึ่งก่อนเทมันลงบนผ้าโพกผม ใช้มันแทนผ้าปิดจมูก “ระเบิดถ้ำแล้วเอาส่วนของข้าไปใช้ชีวิตของเจ้า ใช้ชีวิตแทนข้าด้วย”
ฮันโดนิ่งไปอึดใจ นักล่าจากต่างแดนนั่งลง วางมือบนบ่าของมัน
“อามีเลียกำลังมา ข้าได้กลิ่นหมาของนาง”ฮันโดพยายามกลบความเครียดโดยการพูดถึงหมานักล่าเผ่าดอร์เกน คู่กัดตัวฉกาจของมัน คาวินทร์ลุกขึ้นยืน กลิ่นเหล้ากำลังแผ่ซ่านเข้าทุกส่วนของร่างกาย
“ข้ารู้ว่านางกำลังมา ให้นางรอไปก่อนเถอะ”
นักล่าหนุ่มกระชับโล่ เอาปลายหอกซึ่งฉาบด้วยไฟความหวังนำทางเข้าไปในถ้ำมืดมิดที่มัจจุราชกำลังรอคอยอยู่ นี่คือการต่อสู้ที่จะต้องถูกจารลงในตำนานนักล่าแห่งยุคสมัย นี่คือการต่อสู้เพื่อจะพาเขากับพ่อกลับบ้าน
ผู้แต่ง : หมอกเหนือ
ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
1 | ปัจจุบัน | 25 ม.ค. 59 |
2 | นักล่า | 07 มี.ค. 59 |
3 | หนี | 14 มี.ค. 59 |
4 | ปีกที่ถูกตรึง | 21 มี.ค. 59 |
5 | ทาส | 28 มี.ค. 59 |
สวัสดีค่ะ
รู้สึกว่างานคุณดียิ่งขึ้นกว่าปีก่อน การเล่าเรื่องกระชับขึ้น เสียงก็มั่นคง คุณเป็นคนมีฝีมือค่ะ และคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก
ต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น คือพูดเพราะรู้สึกอย่างนี้ คุณไม่ต้องทำตามก็ได้ คือเรารู้สึกว่าสามตอนแรกที่เป็นเปิดเรื่องในเมือง เริ่มล่า ไปจนย้อนความถึงพ่อตายนั้นยังจับคนอ่านติดสู้สองบทหลังที่เป็นทาสแล้วไม่ได้ เราจึงคิดว่าถ้าขึ้นด้วยอีเวนท์มาเป็นทาสเลย แล้วแฟลชแบ็คกลับไปที่ล่าจระเข้กับพ่อตาย เรื่องน่าจะมีอิมแพ็คแรงขึ้น (ส่วนบทนำให้กลับไปอยู่ที่ลำดับเวลาปรกติ) คือคนอ่านเปิดมาก็เฮ้ยทันที สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอจับติดแล้ว คนอ่านเห็นบุคลิกตัวเอกแล้ว คุณจะเล่าอะไรก็ได้ค่ะ
ลวิตร์