EN05 Draconic Chronicle

ในโลกที่เวทมนตร์เป็นสิ่งต้องห้าม อากาเบล มังกรผู้สูงส่งพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ และถูกพันธสัญญาผูกพันชีวิต เมื่ออิสรภาพของเธอขึ้นอยู่กับมิตรภาพต่อศัตรูคู่แค้น ตำนานบทใหม่ของอัศวินกับมังกรจึงเริ่มต้นขึ้น

ผู้แต่ง

Vicenski

0%

ตอนที่ 1/5 : Requiem for a Dream


บทนำ

ท้องฟ้าสว่างสดใสที่เปลี่ยนเป็นสีขมุกขมัวคือลางร้าย

อากาเบลลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนหอบหายใจอยู่ใต้ท้องฟ้าสีครึ้ม เปลือกตาของเธอหนักอึ้ง ลำคอแห้งเสียดสีกับเกล็ดน้ำแข็งในลำคอ กลิ่นอับชื้นของดินที่มีแต่น้ำเจิ่งนอง และกลิ่นเลือดเจือจางในอากาศนั้นเหม็นคาวจนขึ้นจมูก ร่างสีเงินสว่างขนาดมหึมาของเธอปวดร้าวไปทุกส่วน

ห่าฝนโหมเทลงมาจากฟ้าไม่หยุดหย่อน ทัศนียภาพเลวร้าย อากาเบลไม่รู้ว่าตัวเองพลาดพลั้งไปตั้งแต่ตอนไหน ขาหลังเริ่มชาก่อน จากนั้นปีกก็อ่อนล้า ตามมาด้วยทั้งร่างไม่สามารถขยับได้ตามใจนึก ตั้งแต่เมื่อไรกันที่สถานการณ์พลิกผันกลายเป็นเธอที่ตกที่นั่งลำบาก จากที่บินฉวัดเฉวียนหลบการโจมตีบนอากาศได้ กลายเป็นเธอต้องต่อสู้บนพื้นดินแทน

อาจเป็นเพราะเธอทุ่มเทพละกำลังมากเกินไป ทั้งพ่นเกล็ดน้ำแข็ง ทั้งใช้ปีกหางกวาดศัตรูจนกระเด็นกระดอน ทั้ง ๆ ที่ลูกธนูของพวกอัศวินทำร้ายเกล็ดสีเงินของเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คมดาบของพวกมันก็หักบิ่นไม่สามารถทะลุทะลวงสำเร็จ ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังไม่หมดไปเสียที ยังพุ่งตรงมาเพื่อเลือดของเธอ

                ผืนหญ้าย่อม ๆ ในป่าลึกถูกเติมเต็มด้วยภาพของการต่อสู้และความเจ็บปวดมานานเท่าไรกัน? มันแปรเปลี่ยนความตื่นเต้นท่ามกลางการฆ่าฟันกับศัตรูให้กลายเป็นการยื้อยันกับความอ่อนเพลียของตนเอง จนมีแต่ความเหนื่อยล้าเท่านั้นที่ยังคงแจ่มแจ้งในมโนทัศน์ของอากาเบล ภายใต้ท้องฟ้าที่ถูกกลืนกินโดยเมฆฝนดำทมิฬ ในที่สุดสายลมที่เคยกระทบกับใบหน้าของเธอยามคงระดับความสูงเหนือกลุ่มผู้บุกรุกก็หายไป เหลือเพียงกลิ่นหญ้าเหม็นเขียวกัดจมูก

มนุษย์คนหนึ่งกำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้ รูปลักษณะค่อย ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น จากร่างเงามืดน่าสะพรึงในหมอกฝนกลายเป็นความจริงที่น่าสยดสยองยิ่งกว่า อาวุธโลหะส่องประกายท่ามกลางหยาดฝนในมือขวาของมัน

เบื้องหลังของมนุษย์ที่อาจหาญมาประจันหน้าคือความวุ่นวายของมนุษย์อีกหลายคนที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณต้นไม้ซึ่งล้มระเนระนาดหรือหักกลางลำต้น โดยมีเศษซากของน้ำแข็งคมกริบอยู่รอบด้าน บางคนเลือดท่วมเอ่อล้นชุดเกราะ นิ่งสนิทไม่ขยับเขยื้อน บางคนพยายามพยุงร่างคนเจ็บกลับไปหาม้าที่ผูกไว้ไม่ไกล บางคนกำลังตะโกนโหวกเหวก

อากาเบลคำราม พลางพยายามกระเถิบถอยหนี หางสะบัดสู้ ปีกกระพือรุนแรงเพื่อข่มขู่ แต่มนุษย์เบื้องหน้ากลับกำดาบด้วยความแน่วแน่กว่าเดิม ฝีเท้าแต่ละก้าวหนักแน่นเสียจนหัวใจของเธอหดลีบอย่างน่าอับอาย

ภายใต้ความโกรธแค้นและสติที่ใกล้จะดับลง อากาเบลสังเกตเห็นว่ามนุษย์ตรงหน้ามีดวงตาสีฟ้าสว่างไสวชัดเจน ตัดกับสีเข้มทะมึนของสมรภูมิในป่าสน ดูเยือกเย็นและมุ่งร้ายยิ่งนัก มันสวมเกราะเหล็กแค่บางส่วนเพื่อปกป้องศีรษะ ลำตัว แขน ขา และข้อต่อต่าง ๆ มีฮู้ดสีดำคลุมใบหน้าอยู่จนไม่สามารถเห็นรายละเอียดอย่างอื่นได้ ผ้าคลุมสีเดียวกับฮู้ดเปียกน้ำฝนจนแนบไปกับตัว

                มนุษย์จากข้างหลังตะโกนเร่งอัศวินตาฟ้าตรงหน้าอากาเบล ทันใดนั้น มือทั้งสองข้างของมันก็ยกดาบยาวขึ้นมา หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น แต่ศักดิ์ศรียังพยายามผลักดันให้เธอแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามใส่ และใช้แรงเฮือกสุดท้ายขยับตัวขณะจ้องร่างเล็กกระจ้อยร่อยของมัน สื่อสารว่า เข้ามาสิ เจ้าหน้าโง่

                เพราะไม่มีอาวุธชิ้นไหนของมนุษย์สามารถทำร้ายเธอที่ไม่ใช่พวกต่ำต้อยกีออสซึ่งถูกสังหารอย่างง่ายดายได้ ปลายแหลมของดาบใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอคือเพทราดี เธอไม่ใช่กีออส เลือดสีเข้มของบางอย่างสะท้อนบนเล่มสีเงิน ทั้งร่างกายกับความสามารถเป็นพรจากราชามังกรโดยแท้

                ฉับพลัน เธอได้ยินเสียงกรีดร้องคำรามรวดร้าวจากที่ไกล ๆ และร่างกายก็แข็งชาจากสัมผัสเฉียบแหลมเชือดเฉือน

                ลมฝนกลับมาเคลื่อนไหวเบื้องหน้าอีกครั้งเมื่ออัศวินตาฟ้าฝังดาบทะลุผิวหนังตรงเปลือกตา

                อากาเบลพบว่าตัวเองเป็นเจ้าของเสียงกรีดร้องนั่น เธอกระตุกหนี ขาหลังขูดผิวดินกระจุย พยายามไขว่คว้าเสียงของพ่อที่คอยยึดสติของเธอ แต่ท่านได้หลุดหายไปในวังวนของความเจ็บปวดภายในพริบตา เธอกางกรงเล็บกวัดแกว่งจะตะครุบอัศวินตาฟ้า ทว่าด้ามดาบเย็นเฉียบที่ตัดผิวหนังเข้ามาทรมานจนคล้ายกับกลายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ประสาทตามืดมัวลงอย่างน่าใจหาย

มันกำลังกระชากบางสิ่งบางอย่างไปจากเธอ

                ความเจ็บปวดคงอยู่ยาวนาน แต่สติสัมปชัญญะของเธอกลับแสนสั้น ไอเย็นเริ่มก่อตัวในลำคอ เพียงเพื่อจะมลายหายไปโดยไม่ได้ใช้ และแล้วทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ ทุกอย่างถูกตัดขาด ความตายที่เงียบสงัดเข้ามาช่วงชิงลมหายใจไป


 

[Part I: อัศวิน]

1


                ป่าสนรอบสเนียเซนี่ ขุนเขาบ้านเกิด เป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์นักล่าเป็นส่วนใหญ่ พวกมันล่ากระต่ายกับสัตว์ตัวเล็กกว่า และมังกรก็ล่าพวกมันอีกที

มนุษย์คนสุดท้ายที่หลุดเข้ามาในป่าถูกพบว่ามันได้กลายเป็นอาหารให้กับหมีร่างมหึมา ไม่ใช่มังกร ดังนั้น กลุ่มอัศวินที่แม่ระแวงนักหนาก็แค่โชคดีได้ฆ่ากีออสไปหนึ่งตัวเพราะไอ้มังกรตัวนั้นมันโง่ อากาเบลออกบินไปหลายไร่เพื่อสำรวจป่าในแต่ล่ะวัน เสียงฝีเท้าอึกทึกที่เธอได้ยินยามล่าสัตว์ก็เป็นฝีมือของฝูงหมาป่ากับกวาง เธอไม่เคยได้ยินเสียงที่ผิดแผกไปจากนี้ ที่ไม่ใช่เสียงเห่าหอน เสียงกีบเท้า หรือเสียงกระพือปีก กลิ่นเย็นชื้นอันเป็นเอกลักษณ์ของป่าก็ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมผสม

อากาเบลยังจำตอนที่ตัวเองเยาะเย้ยคำเตือนของแม่ได้ พวกมนุษย์ตัวก็เล็ก แรงก็ไม่มี รู้ไหม ที่ท่านมากังวลเพราะพวกมันเนี่ยก็เหมือนเสือกังวลว่าจะโดนกระต่ายไล่ฆ่าอย่างไงอย่างงั้นแหละ

                เธอไม่ได้ล่าสัตว์เหมือนมังกรตัวอื่นที่จะต้องพรางตัว ใจจดใจจ่อเฝ้าเหยื่อ เธอตามกลิ่นเลือดไป โดยการแยกแยะกลิ่นกายของสัตว์ป่ากับกลิ่นเลือดของสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยออก ในวันที่การต่อสู้เกิดขึ้น จมูกของเธอจับกลิ่นเลือดมหาศาลซึ่งน่าจะมาจากสัตว์ตัวใหญ่ได้ จึงพุ่งฉิวจากอากาศขมุกขมัวข้างบนทะลวงยอดทิวไม้สนลงไปยังแหล่งที่มาทันที

พริบตาเดียวเธอก็เห็นร่างของกวางมูสนอนแอ้งแม้งอยู่กลางพื้นที่ราบมีหญ้าขึ้นพอสมควรใกล้ทะเลสาบ ฝูงหมาป่าที่กำลังดมศพกวางพากันกระจัดกระจายไปคนล่ะทิศเมื่อโดนคลื่นลมแรงเหนือหัวก่อกวน

                กวางมูสไม่ค่อยมาเดินเล่นแถบนี้ แต่ตัวนี้อาจจะหลงทางมาเจอกับฝูงหมาป่าพอดี มันคงโง่พอ ๆ กับกีออสที่โดนกลุ่มอัศวินฆ่าไม่กี่วันก่อนจนทั้งขุนเขาตื่นตระหนก หลังจากแตะเท้าทั้งสี่ข้างกับพื้นกรวดและหุบปีกแนบร่าง อากาเบลก็ก้มศีรษะลงไปใช้จมูกดันร่างของกวางมูสให้แน่ใจว่ามันตายแล้ว เธอแกว่งหางด้วยความดีใจ แล้วท่องคำขอบคุณราชามังกร

อยู่ ๆ ก็มีแสงสะท้อนส่องวาบที่หางตา

นั่นเป็นตอนที่อากาเบลหันขวับไปเห็นร่างภายใต้เกราะโลหะเป็นมันวาวหลายคนพุ่งออกมาจากพุ่มไม้รอบข้าง ในมือชูดาบยาวและหอกแหลมพุ่งตรงมาหาเธอ เสียงโห่ร้องกระหายเลือด เสียงกระทืบเท้าอึกทึก และเสียงเหล็กกระทบกันดังกึกก้องอยู่ในหูของเธอ กลิ่นสาบแปลกปลอมปนกับความชื้นแฉะของฝนลอยละล่องทั่วบริเวณ

การเข่นฆ่าปะทุขึ้นและดับลงในที่สุดพร้อมกับชีวิตของเพทราดีสีเงินผู้สูงส่ง

                เมื่อลืมตาขึ้น อากาเบลก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างมนุษย์

                เธอตกใจจัดจนร่างกายหยุดทำงานไปชั่วขณะ ต้องค้างในท่านอนนานหลายนาที ตาเบิกกว้างมองเพดานถ้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่อาศัยมาตลอดทั้งชีวิต แม้การรับรู้ว่าเวลานี้ตนอยู่ในสถานที่ปลอดภัยจะทำให้เธอเริ่มคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งลงบ้าง แต่ร่างกายที่เบาหวิวเช่นนี้กลับยิ่งปั่นประสาทจนมือสั่นไม่เลิก

นานเท่าไรไม่รู้ที่เธอผล็อยหลับไป และตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์ซึ่งส่องถ้ำกลายเป็นสีแดง ไม่ร้อน ไม่อุ่นเกินไป เธอพบว่าตัวเองอยู่ในร่างมังกรดังเดิม

                ทั้งกายเป็นเกล็ดสีเงินสว่างที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ปีกละม้ายคล้ายปีกค้างคาวขนาดใหญ่ติดอยู่ที่แผ่นหลัง กรงเล็บแหลมคมมีร่องรอยฉีกขาดเล็กน้อย ร่างกายไม่เบาหวิวอีกต่อไป ไม่มีอวัยวะไหนผิดปกติ จมูกของเธอยังรับกลิ่นผลเบอร์รี่ไกล ๆ หูยังจับเสียงน้ำตกนอกสเนียเซนี่ได้ ตายังมองเห็นชัดเจน ลิ้นยังรับรสได้เมื่อเขมือบร่างกวางสดใหม่ไร้ชีวิตข้าง ๆ ด้วยความหิวโหย

                มีเสียงมังกรพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่จากตรงปากถ้ำ

                “อากาเบล!” แม่ร้อง แล้วพุ่งตรงมาใช้หัวซุกไซ้สีข้างด้วยความยินดีปรีดาทันที “เป็นอย่างไรบ้าง รู้ตัวไหมว่าเจ้าหลับไปนานขนาดไหน”

                “หนึ่งสัปดาห์มั้ง” อากาเบลทายส่ง ๆ “เป็นอะไรอีก? จะมากอดรัดทำไม ข้าแค่ออกไปล่าสัตว์แล้วกลับมานอน

ความทรงจำปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เธอชะงัก ตัวแข็งทื่อ เกล็ดสีเงินตั้งชันทั่วกาย ราวกับถ้ำหดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนเธอหายใจไม่ออก แม่มองเธอด้วยแววตาสับสน ก่อนจะกลายเป็นความหวาดวิตกทันทีที่เห็นเธอผงะถอยหนี เพราะจู่ ๆ นัยน์ตาสีฟ้าท่ามกลางสายฝนก็ปรากฏในมโนภาพ ดึงความหวาดกลัวให้ครอบงำไปชั่วขณะ

                “ดวงตาข้า!” อากาเบลร้อง “พวกมันพวกมัน

“ใจเย็นก่อน อากาเบล ดวงตาของเจ้ายังอยู่ ทั้งสองข้าง” แม่ปราม ใบหน้าแสดงความลำบากที่จะเอ่ยประโยคถัดไป สุดท้ายนางก็เลือกที่จะปลอบโยนเพิ่มเติม

                อากาเบลหยุดดิ้นรนจะบินหนีออกไปข้างนอกถ้ำเนื่องด้วยความงงงวยอย่างหนัก เธอหลบสายตาห่วงใยของแม่ พลางทบทวนเหตุการณ์การปะทะกับอัศวินในใจ คำว่าเพ้อเจ้อผุดขึ้นมา หากดวงตาทั้งสองข้างของเธอยังอยู่ การปะทะอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือเปล่า? ถึงกระนั้น ความเคลือบคลางใจก็ยังไม่หายไป

                “อ้อ” เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เสียงของเธอก็ยังแหบแห้งและสั่นเครืออยู่ดี “เฮอะ คงเป็นฝันร้าย”

                อย่างไรก็ตาม แม่เลือกที่จะคงสีหน้าเคร่งเครียด นางส่งสายตาให้ล้มตัวนอน อากาเบลฟึดฟัดระหว่างขดตัว เนื้อกายปวดตุบ ๆ จนสิ่งเดียวที่เธออยากทำตลอดทั้งวันคือการนอนหลับ “เจ้าต่อสู้มาใช่ไหม” ทันใดนั้นแม่ก็ถามตรง ๆ “ตามตัวเจ้าไม่มีบาดแผลเลยตอนที่มังกรตัวอื่นออกไปเจอ แต่มีเลือดไหลออกมาจากดวงตาข้างขวาเจ้าเยอะเป็นพิเศษ”

                อากาเบลตกใจลุกพรวด “ไม่!” อยู่ ๆ เธอก็ได้กลิ่นดินชื้นเมื่อย้อนนึกกลับไป รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง คลื่นไส้ “มีอะไรบางอย่างทำให้ข้าหมดแรง” เธอพร่ำเพ้อกับตัวเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังแก้ตัวกับใครอยู่ “พวกมันเล่นตุกติก! ทำอะไรข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ! พวกเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ ข้าจัดการไปตั้งหลายตัวแล้วแท้ ๆ จะเป็นไปได้อย่างไงกัน ไม่มีทาง แถมไอ้อัศวินนั่น

เธอสะอึกคำ

                แม่สั่นหัวปฏิเสธอย่างเหนื่อยอ่อน

                “ข้าอยากให้เจ้าพักผ่อนเสียก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลัง ดีไหม เจ้าหลับไปนาน การผลุนผลันรีบขยับร่างกายไม่ใช่เรื่องดี” แม่ปลอบโยนเสียงอ่อนนุ่ม พลางใช้ปีกสีเงินส่องประกายสวยงามแตกต่างจากปีกของอากาเบลซึ่งเกล็ดทั้งแห้งทั้งไร้ประกายล้อแสงห่มร่างเธอไว้ “ไม่เป็นไร ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก”

                “หนึ่งสัปดาห์ไม่ได้ถือว่านาน ท่านก็รู้ว่าบางทีข้าก็จำศีลยาวเป็นสิบปี!

                เกิดความเงียบงันขึ้นมาชั่วขณะ แม่มีท่าทีกระอักกระอ่วน อุ้งเท้าตรึงไหล่อากาเบลให้อยู่กับที่ พลางหันรีหันขวามองปากถ้ำราวกับกลัวว่าบทสนทนาจะเสียงดังทะลุไปถึงอีกฝั่งของขุนเขามังกรสเนียเซนี่ ความเงียบดำเนินต่อไปอีกสักพักจนอากาเบลเริ่มจะมีโทสะ ส่งเสียงขู่ในลำคอ แม่จึงตัดสินใจบอกด้วยเสียงหนักแน่น

                “เจ้าหลับไปสี่ปี อากาเบล”

***

                เมื่อมังกรบาดเจ็บ มังกรตัวนั้นจะใช้เวลาพักผ่อนเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ อาจจะยาวนานถึงหนึ่งเดือนหากมีบาดแผลเต็มตัว หนึ่งปีก็มีบ้าง แต่ต้องเป็นกรณีมังกรที่บาดเจ็บอย่างหนักจนแทบสิ้นชีวิต ทว่าสำหรับอากาเบลที่เชื่อมั่นว่าตนไม่ได้บาดเจ็บสาหัส สี่ปีนั้นมากเกินไป จนนึกว่าเป็นเรื่องตลกอีกเรื่องเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันไม่ใช่การจำศีลด้วย

                เธอนอนพักได้แค่คืนเดียว ก่อนความอยากรู้อยากเห็นจะทำให้เธอเลิกสนใจอาการเจ็บปวดที่ยังวิ่งระวนทั่วร่างเพื่อโผล่หัวออกไปนอกถ้ำอันน่าเบื่อ เธอกระพริบตาซ้ำ ๆ ไล่แสงอาทิตย์ที่แยงตา ดื่มด่ำกับวิวของเทือกเขาสุดลูกหูลูกตาเสร็จก็สอดส่องเบื้องล่างของสเนียเซนี่ มีถ้ำอยู่ไม่กี่ถ้ำตรงนั้น กีออสหลายตัวต้องนอนอุดอู้อยู่ในที่เดียวกัน ตัวใดโชคร้ายก็จะต้องนอนใกล้ต้นหนามพิษซึ่งจะกัดผิวจนเจ็บแสบ

                อากาเบลกำลังมีความสุขที่ได้เห็นความสงบร่มรื่นของขุนเขาสีเทา เว้นเสียแต่เมื่อเธอสังเกตเห็นที่ราบเบื้องล่าง ซึ่งมักจะเป็นพื้นหินเรียบว่างเปล่าในฤดูร้อนสั้น ๆ หรือถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาวแสนยาวนั้น มีกีออสสีอ่อนหลายตัวกำลังนอนอยู่อย่างรื่นรมย์ ไม่ใช่ในถ้ำอับชื้นใกล้ตีนเขาที่พวกมันต้องอาศัย

ความเจ็บปวดถูกลืมไปชั่วขณะ เพราะเธอกระตือรือร้นที่จะจัดการกับพวกมันจัด ฉับพลันที่เท้าทั้งสี่เหยียบเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยซากกระดูกสัตว์กับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ กีออสหลายตัวก็ลุกฮือ กระจัดพลัดพลายไปคนล่ะทาง หลายตัวแทบจะหนีเข้าไปในถ้ำ พวกมันจับจ้องเธออย่างเกรงกลัว รูม่านตาตีบลงเป็นเส้น

                “ทำบ้าอะไรของพวกเจ้าหา?” อากาเบลกดเสียงต่ำ เธอนึกอยากตะปบกรงเล็บกับหน้าโง่ ๆ ของกีออสตัวที่ใกล้ที่สุดยามได้เห็นสภาพไร้ระเบียบโดยสิ้นเชิงตรงหน้าเต็มตา “ข้าไม่อยู่สี่ปี พวกเจ้าเลยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้สินะ” เธอเชิดศีรษะใหญ่โตขึ้น ไอ้พวกเห็บเหา “ใช่ไหม!

                กีออสสีแดงอ่อนตัวหนึ่งกำลังจะอ้าปากตอบ (“โรวีน่า อย่าแลกเลย” ตัวอื่นกระซิบขอร้อง) อากาเบลคำรามใส่ด้วยความรังเกียจ ไม่ประสงค์จะสนทนากับสัตว์น่าสมเพชพวกนี้แม้แต่นิด กีออสสีแดงอ่อนจึงถอยไปรวมกับตัวอื่น ขณะที่อากาเบลขบเขี้ยวกับอาการคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าของเศษซากสัตว์ เธอสามารถมองเห็นกองกระดูกในถ้ำแสงสลัว พวกกีออสช่างสกปรกโสโครกสิ้นดี

                “ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่” อากาเบลขู่ ก่อนจะขยับปีกพาร่างบินลู่ภูเขาขึ้นไปยังถ้ำบนสุด

                แม่อยู่ในถ้ำรวมกับเพทราดีตัวอื่น อากาเบลทำเป็นเฉยเมยกับสายตาดุ ๆ ของนาง พลางพาร่างใหญ่โตซึ่งยังไม่หายดีจากบาดแผลของตัวเองไปนั่งข้าง ๆ แล้วเริ่มยิงคำถามที่จุดชนวนความโกรธเมื่อไม่กี่นาทีก่อนทันที “เห็นข้างล่างนั่นไหม ทำไมมันถึงกลายเป็นบึงเน่าเหม็นแบบนั้นไปได้ล่ะหา? ข้าจำได้นะว่าข้าต้องการให้มันสะอาดและไร้วี่แววเจ้าพวกนั้น”

                “กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ” แม่กระซิบเตือน

                “บ้ารึไง ข้าจะนอนได้อย่างไรถ้ารู้ว่าเจ้าพวกนั้นใช้พื้นที่ข้างล่างของเพทราดีจนสกปรกเลอะเทอะไปหมด!

                มังกรอาวุโส (อากาเบลไม่เคยนึกเปลืองสมองจำชื่อของมังกรตัวอื่นเลย) เริ่มสนทนากันถึงเรื่องที่เธอเพิ่งโวยวายไป ครู่ใหญ่ทีเดียวที่เธอต้องอดทนรอฟังคำตอบ ทั้งหมดหันมาสบตาเธอ บ้างก็ซุบซิบคุยกันเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด บ้างก็ส่งสายตาเห็นใจแก่ผู้เป็นมารดา นั่นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิด แต่ก็ยังรั้งตัวเองไม่ให้เผลอสบถคำหยาบออกไปได้

                “มังกรเด็กเอ๋ย มีหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนหลังจากเจ้าหลับไป” เพทราดีสีเขียวจางตามวัยร่วงโรยกล่าวเสียงแหบ

                “แล้วไง? ตอนนี้ข้าตื่นแล้ว ข้าต้องการให้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

                “ไม่ใช่ภายในเร็ววันแน่” แม่ขัด

                “ข้าคงต้องขอให้เจ้าค่อย ๆ เรียนรู้ไปก่อน ว่าตอนนี้พวกเราเป็นอย่างไร เจ้าจะเห็นสติปัญญาของพวกเราว่าไม่เหมาะสมกับอดีตที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย” มังกรอาวุโสเสนอด้วยความระมัดระวังกับคำที่ใช้เป็นอย่างสูง “ส่วนคำขอของเจ้า มังกรเด็กเอ๋ย พวกข้าคงจัดการให้ไม่ได้ ทั้งตอนนี้ และในอนาคต”

                อากาเบลหลุดสบถคำหยาบออกมาในที่สุด แม่ขู่คำรามใส่ แต่เธอไม่ฟัง ทำท่าจะตรงไปหาเหล่ามังกรอาวุโส จึงโดนขวางโดยแม่พร้อมกับเพทราดีตัวอื่น พวกเขาเกล็ดตั้งชัน หางชูขึ้น แสยะเขี้ยวแหลมพร้อมจะลงโทษหากเธอไม่ยอมหยุดพฤติกรรม อากาเบลดื้อรั้นพุ่งชนกำแพงมังกร ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปล็บตามลำตัวขึ้นมา ภายในพริบตาเดียว การเคลื่อนไหวทุลักทุเลของเธอก็ส่งผลให้ตัวเองโดนบังคับให้นอนแน่นิ่งกับพื้นถ้ำ

                “สเนียเซนี่เป็นของข้า! ที่นี่เป็นของข้า!” เธอตะเบ็งเสียงระรัว กายชาวาบเมื่อถูกเงาของมังกรตัวอื่นทอดทับ “ไอ้พวกทุเรศ! ข้าจะฆ่าให้หมด พวกเจ้าทำให้เกียรติเพทราดีต้องเสื่อมเสีย ราชามังกรจะสาปแช่งพวกเจ้า! ถ้าพ่อยังอยู่

                “ขอบคุณมาก เอเมอร์รัลด์” มังกรอาวุโสสีเขียวจางตัวเดิมผงกหัวให้แม่ “คราวนี้ มังกรเด็กเอ๋ย เราต้องขจัดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่สุดเสียก่อน เจ้าพอจะตอบได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงบาดเจ็บอยู่ทางทิศใต้ของป่า”

                “ข้าไม่ได้บาดเจ็บ!

                “หากเจ้าพูดถึงภายนอก ทว่าเจ้าช้ำในหนักมากทีเดียว อาการแย่อย่างที่ไม่เคยมีมังกรตัวใด ณ ที่นี้เคยพบเจอมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่เจ้าไม่ตาย เพียงแต่ต้องหลับไปถึงสี่ปีเท่านั้น ข้าจำระยะเวลาถูกใช่ไหม เอเมอร์รัลด์?”

                “โกหก” อากาเบลแค่นเสียงโต้

เธอได้เปรียบในการต่อสู้กับกลุมอัศวิน พวกมันโดนเกล็ดน้ำแข็งของเธอทำร้ายจนบาดเจ็บหลายคน โดยเฉพาะตัวที่ใส่เกราะหนาเต็มยศตัวแรกที่เธอเห็นพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ มันล้มแล้วลุกไม่ขึ้นจนต้องโดนหาบหนีไป แต่ไม่มีมังกรตัวไหนอยากรู้เรื่องนั้น ทุกตัวในที่นี้ต่างต้องการเค้นว่าเธอประสบเหตุอะไรมา พวกมันรอเหยียบย่ำเธอให้จมดิน

                “ช่วยเล่าเหตุการณ์ที อากาเบล เราจะได้หาสาเหตุที่แท้จริงเจอ” แม่กระซิบ

                หาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อที่จะสนุกสนานไปกับความผิดพลาดของเธอ อากาเบลเติมประโยคต่ออย่างคับแค้นใจ

                “ร่างกายของเจ้ายังอยู่ครบเป็นปกติทุกส่วน ทว่ากลับมีเลือดไหลออกมาจากเบ้าตาขวาของเจ้า เมื่อลองตรวจดูแล้วกลับไม่พบรอยแผลใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องพิลึกพิลั่นยิ่งนัก” มังกรอาวุโสพูดต่ออย่างเฉื่อยช้าตามวัย มังกรตัวอื่นต่างเงี่ยหูรอฟังประโยคถัดไป “ดวงตาของเจ้า มิใช่สีเงินเหมือนพ่อของเจ้าอีกต่อไป มันเป็นสีน้ำตาล”

                หัวใจของอากาเบลหล่นวูบ

                “อะไรนะ?” เธอร้องเสียงแหลม “เล่นตลกอะไรกัน ไอ้แก่

                มังกรอาวุโสไม่ได้ยินคำด่าระหว่างหรี่ตาสับสนให้แม่ “เจ้ายังไม่ได้บอกนางอีกหรือ เอเมอร์รัลด์?”

                “สีน้ำตาล?” อากาเบลแทรก พลางตะแคงหน้ามองแม่เพื่อขอคำตอบ “มีอะไรอีกที่เปลี่ยนไป มีอะไรอีก!

                “ไม่มีเลย แค่สีเท่านั้น เจ้าวางใจได้”

                เธอดิ้นขลุกขลัก ขยับอย่างลำบากไปพูดกับแม่ “ท่านไม่ได้บอกพวกมันไปใช่ไหม! เรื่องที่ข้าเพ้อตอนตื่นขึ้นมา

                ไม่มีคำตอบ

                อากาเบลหายใจติดขัดขึ้นมาทันที รู้สึกคับแน่นแผ่นอกจนต้องอ้าปากคว้าอากาศ หัวของเธอหนักอึ้ง ได้ยินเสียงแหลมจี๊ดทิ่มแทงข้างในศีรษะ เรียกความทรมานให้เธอพยายามดีดดิ้นหนีจากการจับกุม มังกรตัวอื่นเข้าใจว่าเธอต้องการเวลาในการปรับตัวกับสถานการณ์ จึงยังไม่มีตัวไหนเอ่ยพูด และยังไม่มีตัวไหนยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ

                นานจนเหมือนชั่วนิรันดร์กว่าอาการจะบรรเทาลง โดยมีแม่ที่พยายามปลอบประโลมข้างหู

                “เจ้าควรจะกลับไปพักผ่อน” นางบอก ไม่รู้ว่าทำไมแววเป็นห่วงเป็นใยในน้ำเสียงของนางถึงยิ่งฉุดความโมโห

                อากาเบลกวาดตามองเพทราดีตัวอื่น แล้วกลับมาสำรวจบาดแผลที่ไม่ปรากฏให้เห็นจากภายนอก หากเธอจะสู้ ก็คงจะพ่ายแพ้ต่อจำนวนอย่างง่ายดายเป็นแน่ หากเธอแพ้ พวกกีออสข้างล่างก็จะได้ข่าวและพากันเยาะเย้ยเธอ ไม่เอาเด็ดขาด ครั้งนี้เธอควรจะยอมประนีประนอมกับแม่ เธอทนรับรู้ว่าพวกกีออสแอบหัวเราะขำขันลับหลังไม่ได้

พอส่งเสียงเคียดแค้นในลำคอเสร็จ เธอก็ตะโกนพูด “ก็ได้ ข้าจะไปพักผ่อน แต่ข้าต้องไปสักการะราชามังกรก่อน”

“พระอาทิตย์ขึ้นกลางกระหม่อมพอดีแล้วสินะ?” มังกรอาวุโสทัก

เออ รู้ก็ดี อากาเบลยั้งตัวเองไว้ได้เสียก่อน “พวกท่านคงรู้ใช่ไหมว่าข้าเคร่งครัดกับพิธียิ่งกว่ามังกรตัวไหนน่ะ?”

                เพทราดีในถ้ำจ้องหน้ากัน เมื่อไม่มีคำขานรับ แม่จึงหันมาอนุญาตแทน อากาเบลสะบัดปีกตีให้เพทราดีที่ตรึงเธอไว้ถอยไป แล้วรีบหยัดกายใหญ่โตลุกขึ้นทันที เธอเข่นเขี้ยวใส่นาง หางตวัดทุบพื้นถ้ำอย่างหงุดหงิด มังกรอาวุโสเสริมว่าเธอควรจะกลับมาทันทีหลังจากสักการะเสร็จ แน่นอนว่าเธอกระแทกเสียงฮึใส่เป็นคำตอบ เมินความไม่พอใจของเพทราดีตัวอื่นเพื่อพุ่งฉิวผ่านกลุ่มเมฆไปหาน้ำตกใกล้เคียงสเนียเซนี่ทันที เมื่อเห็นผิวน้ำ เธอก็โถมร่างใส่จนน้ำพุ่งสาดกระเซ็นไปทั่ว

                อารมณ์ขุ่นเคืองจางลง อากาเบลก็ลอยตัวพ้นน้ำขึ้นมาเห็นเงาสะท้อน

ดวงตาทรงเรียวทั้งสองข้างของเธอเป็นสีน้ำตาลอย่างที่มังกรอาวุโสบอก

                มันเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายเปลือกไม้ ตัดกับเกล็ดสีเงินสว่าง น่ารังเกียจที่สุด ไม่เข้ากันเลยสักนิด ไม่มีทางที่จะเป็นเธอได้เลย มันเหมือนสิ่งแปลกปลอมในร่างกายที่สร้างความรู้สึกขยะแขยงให้วิ่งไล่ทั่วทุกอณู แวบหนึ่ง เธอนึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ ที่นัยน์ตาเป็นสีเงิน นั่นเป็นความฝันหรือเปล่า มันเป็นสีน้ำตาลมาตลอดรึเปล่า

                เจ้าพวกกีออสข้างล่างจะมองเธออย่างไร มันจะยังเกรงกลัวเธอไหม แล้วเธอจะถูกปฏิบัติใส่ราวกับอยู่ชนชั้นเดียวกันหรือ แค่คิดก็ชวนคลื่นไส้ หายใจออกมาแต่ล่ะทีมีแต่ละอองน้ำแข็งเย็นเฉียบ การสักการะราชามังกรกลายเป็นรสขมขื่นในปากของเธอแทน เสียงของพ่อจากความทรงจำเนิ่นนานดังแผ่วเบาในหัว

มังกรที่ตายด้วยน้ำมือมนุษย์ เราไม่ถือว่ามันเป็นมังกร

                เธอไม่ตายก็จริง แต่ไอ้อัศวินตาฟ้านั่นได้ดวงตาข้างขวาของเธอกลับไปโอ้อวดมนุษย์คนอื่นว่ามันสังหารมังกรได้ มังกรสายพันธุ์เพทราดี! นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอประจักษ์ว่าตัวเองเป็นตัวเสื่อมเสียของตระกูล พ่อต้องอับอาย แม่ก็เช่นกัน สเนียเซนี่กลายเป็นสถานที่ต่างถิ่น เธอไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเพทราดีที่ได้อาศัยอยู่ถ้ำบนอีกต่อไป ทุกอย่างว่างเปล่า และเธอก็กำลังร่วงหล่นลงไปในห้วงของความว่างเปล่านั้น

                หากพ่อตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ท่านจะทำอย่างไร

(จบบทที่ 1)



Draconic Chronicle

ผู้แต่ง : Vicenski

ตอนที่ ชื่อตอน วันที่ลง
1 Requiem for a Dream 26 ม.ค. 59
2 The Beginning and The End 07 มี.ค. 59

Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

สำนวนดีและมีคลังคำเยอะ แต่ต้องระวังเรื่องประโยคยาวและซับซ้อนเกินไปด้วยนะคะ ยิ่งเราเขียนประโยคยาวมาก ภาพจะยิ่งเบลอ และทำให้คนอ่านหลุดได้ง่าย ยิ่งคุณเขียนเป็นเสียงเล่ามากกว่าแอคชั่น ถ้าไม่จัดข้อมูลให้ดี คนอ่านจะยิ่งหลุดง่ายเข้าไปใหญ่ ให้ระวังด้วยนะคะ

อ่านมาสองบทแล้ว ยังไม่เห็นระบบโลกของมังกรเลย ทราบแต่ว่ามีเพทราดีกับกีออส แต่ไม่มีประวัติ ไม่มีรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าพ่อเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไรกับระบบและความเชื่อ ไม่มีการอธิบายว่ามังกรอยู่กันอย่างไรจริงๆ (ไม่จำเป็นต้องเทข้อมูลลงมาทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังแทบไม่เห็นอะไรนอกจากปฏิกิริยาของอากาเบลต่อสิ่งต่างๆ เลย)

เมื่อไม่มีข้อมูลเลย ภาพของโลกมังกรก็จะเบลอ และส่งผลกับตัวอากาเบลด้วย คือจนถึงตอนนี้ คนอ่านยังทราบแต่ว่าอากาเบลมีนิสัยยโสจองหอง เพราะยึดติดกับพ่อ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยึดขนาดนั้น และทำไมถึงกลัวที่จะพลัดร่วงจากฐานะขนาดนั้น การไม่ให้เหตุผลจะทำให้ตัวละครดูแบน เมื่อตัวละครดูแบน คนอ่านจะอยากทราบเรื่องราวของตัวละครน้อยลง

เราเขียนตัวละครที่นิสัยไม่ดีไปจนถึงเลวเลยก็ได้ แต่อย่าให้คนอ่านละความสนใจไปจากตัวละคร เพราะถ้าคนอ่านละความสนใจ ก็จะไม่ตาม

อีกอย่างคือการตัดฉาก เช่น จากฝันไปเจอกีออส จากทะเลาะกับมังกรอื่นๆ ไปลงน้ำ จากน้ำกลับมาถ้ำ รอยต่อระหว่างฉากเหล่านี้เบลอหมดเลยค่ะ ทำให้เรื่องขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อ ขอให้พยายามระวังการลำดับเรื่องด้วย เพราะความไม่ปะติดปะต่อจะทำให้เรื่องไม่ค่อยหนักแน่นค่ะ

ลวิตร์

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 1 1
  • ความคิดเห็นที่ 5

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.181.185
    • 22 มีนาคม 2559 / 22:26
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    อ่านตอนสองแล้ว ยังคงต้องบอกว่าสำนวนดีมากจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ แต่การตัดฉากยังอ่านแล้วงงๆ อยู่นิดหน่อย ระหว่างเมืองมังกร การต่อสู้เมื่อสี่ปีก่อน เล่นน้ำ แอบงงๆ อยู่เล็กน้อยนะครับ ^ ^!!
  • ความคิดเห็นที่ 4

    coffeelover
    • Name : coffeelover < My.iD > [IP] 58.8.149.102
    • 11 มีนาคม 2559 / 23:55
    กดมาดูเรื่องนี้เรื่องแรกเลย อ่านแล้วเนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ สู้ๆ นะคะ
  • ความคิดเห็นที่ 3

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.183.115
    • 10 มีนาคม 2559 / 11:05
    สวัสดีค่ะ

    สำนวนดีและมีคลังคำเยอะ แต่ต้องระวังเรื่องประโยคยาวและซับซ้อนเกินไปด้วยนะคะ ยิ่งเราเขียนประโยคยาวมาก ภาพจะยิ่งเบลอ และทำให้คนอ่านหลุดได้ง่าย ยิ่งคุณเขียนเป็นเสียงเล่ามากกว่าแอคชั่น ถ้าไม่จัดข้อมูลให้ดี คนอ่านจะยิ่งหลุดง่ายเข้าไปใหญ่ ให้ระวังด้วยนะคะ

    อ่านมาสองบทแล้ว ยังไม่เห็นระบบโลกของมังกรเลย ทราบแต่ว่ามีเพทราดีกับกีออส แต่ไม่มีประวัติ ไม่มีรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าพ่อเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไรกับระบบและความเชื่อ ไม่มีการอธิบายว่ามังกรอยู่กันอย่างไรจริงๆ (ไม่จำเป็นต้องเทข้อมูลลงมาทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังแทบไม่เห็นอะไรนอกจากปฏิกิริยาของอากาเบลต่อสิ่งต่างๆ เลย)

    เมื่อไม่มีข้อมูลเลย ภาพของโลกมังกรก็จะเบลอ และส่งผลกับตัวอากาเบลด้วย คือจนถึงตอนนี้ คนอ่านยังทราบแต่ว่าอากาเบลมีนิสัยยโสจองหอง เพราะยึดติดกับพ่อ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยึดขนาดนั้น และทำไมถึงกลัวที่จะพลัดร่วงจากฐานะขนาดนั้น การไม่ให้เหตุผลจะทำให้ตัวละครดูแบน เมื่อตัวละครดูแบน คนอ่านจะอยากทราบเรื่องราวของตัวละครน้อยลง

    เราเขียนตัวละครที่นิสัยไม่ดีไปจนถึงเลวเลยก็ได้ แต่อย่าให้คนอ่านละความสนใจไปจากตัวละคร เพราะถ้าคนอ่านละความสนใจ ก็จะไม่ตาม

    อีกอย่างคือการตัดฉาก เช่น จากฝันไปเจอกีออส จากทะเลาะกับมังกรอื่นๆ ไปลงน้ำ จากน้ำกลับมาถ้ำ รอยต่อระหว่างฉากเหล่านี้เบลอหมดเลยค่ะ ทำให้เรื่องขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อ ขอให้พยายามระวังการลำดับเรื่องด้วย เพราะความไม่ปะติดปะต่อจะทำให้เรื่องไม่ค่อยหนักแน่นค่ะ

    ลวิตร์

  • ความคิดเห็นที่ 2

    Melani Fulano
    • Name : Melani Fulano < My.iD > [IP] 115.87.191.74
    • 10 มีนาคม 2559 / 05:23
    ชอบตัวละครหลักที่ดูบุคลิกแรงแต่ก็ยังมีความซับซ้อนสมจริงอยู่ ชอบแนวพล็อตที่ดูมืดมนโหดร้ายโดยบริสุทธิ์ ภาษา วิธีการแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมากครับ หดหู่ได้ใจจริง ๆ รู้สึกว่าพัฒนาขึ้นจากตอนแรกพอสมควรเลย ขอเอาใจช่วยนะคร้าบ [b-001] หนูเบลสู้ ๆ
  • ความคิดเห็นที่ 1

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.183.146
    • 4 มีนาคม 2559 / 21:18
    สวัสดีครับ ชื่อปัฐนะครับ ^ ^

    โอ้โห สำนวนสวยมากเลยครับ ไม่ค่อยเจอเรื่องที่กดดันบีบคั้นอารมณ์ได้อย่างหนักๆ ได้ขนาดนี้สักเท่าไหร่เลย เรื่องนี้บีบคั้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดีจริงๆ เอาใจช่วยและรออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ สู้ๆ ครับ = =b
Page 1 of 1 1

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป