EN12 OSTA SE ABRE

มีความผิดที่ลบล้างไม่ได้อย่างนั้นหรือ อำนาจในมือไม่พอที่จะต่อต้านกฎหมายสินะ หาพวกเราให้เจอสิ บานประตูไม้สีซีดที่ซุกซ่อนอยู่ เปิดประตูเข้ามาแล้วเอ่ยเรียกหาพวกเรา โอตร้า เซ อาเบร์ จะลบล้างความผิดให้เอง

ผู้แต่ง

ka'kujo

0%

ตอนที่ 1/5 : บทนำ

                นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายอยู่ในความมืด เสียงรอบข้างค่อยๆ เงียบลง มีเพียงเสียงย่ำของรองเท้าส้นหนักกับพื้นเหล็กด้านนอก และเสียงขานชื่อของผู้คุมที่ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงตอบรับ

                "เอลมาร์" เสียงเรียกที่ได้ยินมาแล้วเป็นเวลาเกือบสามเดือนดังลอดประตูเข้ามา เขาลุกขึ้นจากเตียง ปรับแววตาให้ดูหมองหม่น โผล่ใบหน้าออกไปที่ซี่ลูกกรง ขานรับด้วยเสียงแหบ ไฟฉายส่องมาภายในห้อง ตวัดไปมาทั่วแบบลวกๆ แล้วก็เดินผละไป

                ความเลินเล่อของผู้คุมที่ทำให้เขาขยะแขยง

                แต่เพราะความเลินเล่อเหล่านี้ที่ทำให้เขาทำงานได้ง่ายขึ้น

                เขาถอยกลับไปนั่งที่เตียง แววตาที่สะท้อนอยู่ในความมืดนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

                'เอลมาร์' นั่งนิ่งอยู่แบบนั้นประมาณสิบนาที เสียงขานเรียกก็เงียบลงพร้อมกับเสียงแท่งเหล็กที่เคาะลงบนราวจับเหล็ก

                 "ไอพวกสวะ หมดเวลา รีบๆ นอนได้แล้ว ถ้ารู้ว่าใครทำอะไรพิเรนทร์ละก็ ฉันจะจับช็อตให้ลืมแม้กระทั่งชื่อตัวเองไปเลย" เสียงที่พูดออกมาในความมืดเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

                เขายังคงนั่งนิ่งจนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูใหญ่ของชั้นนี้

                ริมฝีปากขยับยกยิ้ม มือหนาเอื้อมลงไปหยิบของที่ซุกซ่อนที่ใต้เตียงออกมา

                'ถึงเวลาของ เซอิส แล้ว'

 

 

                รอจด์รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งจะหลับตาไปได้ไม่นานตอนที่ได้ยินเสียงขลุกขลักเข้ามาในโสตประสาท นัยน์ตาดำขลับเปิดโพลง ในใจก็นึกถึงพวกเด็กใหม่ตัวแสบที่ริอาจจะลองดีกับผู้คุม

                เขาพ่นลมหายใจยาวออกมา

                หากผู้คุมโมโหจะลงโทษตัวการก็จริง แต่คนอื่นในชั้นก็มักจะโดนไปด้วย เขาจึงเบื่อเจ้าเด็กแสบจอมป่วน

                'พรุ่งนี้ชวนเอลมาร์มาเชือดไก่ให้ลิงดูสักตัวดีกว่า' เอลมาร์คือนักโทษที่อยู่ห่างจากเขาไปสี่ห้อง หมอนั่นเพิ่งเข้ามาได้แค่สามเดือน แต่ความโหดนั้นทำให้เขาประทับใจมาก

                เสียงขลุกขลักดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้เขามั่นใจว่าได้ยินมาจากท่อระบายอากาศบนฝ้าเพดานสูง

                คิ้วหนาขมวดมุ่น

                เสียงแกรกๆ ดังมาอีกรอบ

                เขาใจเย็นไม่ไหวอีกแล้ว

                ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้นมาจากเตียง ตระแกรงระบายอากาศก็ถูกถีบให้เปิดออก นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายสว่างในความมืด ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว ร่างของเขาก็ถูกโถมทับให้ล้มลงไปนอนกับเตียง

                นัยน์ตาถูกมือใหญ่ปิดไว้จนมองไม่เห็นสิ่งใด ริมฝีปากก็ถูกบางสิ่งบางอย่างยัดเข้ามาจนส่งเสียงไม่ได้

                ชั่วพริบตาที่เขากำลังรู้สึกงุนงง ร่างทั้งร่างก็โดนพลิก สัมผัสแหลมคมทิ่มแทงเข้าไปที่แผ่นหลังบริเวณใกล้กับไขสันหลัง

                รอจด์รู้สึกคลื่นไส้ บางสิ่งบางอย่างในร่างกายเขากำลังถูกดูดออกไป

                "โทษทีนะรอจด์ แต่มันเป็นงานน่ะ" เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือหัว เขาจำได้ว่าคือเสียงของเอลมาร์

                "จำเสียงฉันได้สินะ" คนที่อยู่เหนือหัวเขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ บริเวณแผ่นหลังของเขายังรู้สึกร้อนผ่าว ความรู้สึกวิงเวียนเพิ่มทวีคูณ

                มือเย็นเยียบจับเข้าที่หลังคอ

                "แต่เดี๋ยวนายก็ลืม" ออกแรงบีบเพียงแค่แผ่วเบา สติของนักโทษหนุ่มก็เริ่มเลือนหาย สัมปชัญญะแทบไม่เหลืออยู่ สุดท้ายแล้วแม้แต่ความเจ็บปวดเขาก็จำไม่ได้

                มือใหญ่ดึงเข็มฉีดยาออกจากแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามมัด นัยน์ตาสีฟ้ามองคนที่หลับสนิทไปแล้วพร้อมกับยกยิ้มเหี้ยม

                เขาพลิกดูของในมือ หลอดเข็มฉีดยาอัดแน่นไปด้วยของหนืดสีเหลืองขุ่น

                'ก็ไม่เลวเท่าไรนี่นา'

 

 

                ท่ามกลางความมืดมิดแววตาสีฟ้าใสทอประกาย ร่างแกร่งกระโดดลงมาจากช่องระบายอากาศบนฝ้าเพดานสูง ห้องขังของเอลมาร์ยังคงเงียบกริบ

                เซอิสย่อตัวลง ภายในห้องที่ไม่มีแสงไฟนั้นสว่างไสวเมื่อเขาสวมแว่นตาชนิดพิเศษ มือหนาดึงกระเป๋าขนาดเล็กออกมาจากใต้เตียง เก็บเข็มฉีดยาที่บรรจุของหนืดสีเหลืองขุ่นลงในช่องเก็บของของกระเป๋า เสียงผิวปากแผ่วเบาดังออกมาเมื่อเห็นหุ่นพลาสติกรูปคนขนาดฝ่ามือในกล่องนั้น บนหัวของหุ่นมีจุกพลาสติกใสอุดอยู่

                "เอลมาร์ก็เงินถึงเหมือนกันนี่นา" เขาพึมพำ บรรจงวางหุ่นพลาสติกบนเตียง ปิดกระเป๋าให้เรียบร้อยจับสายสะพายมาคาดไว้ที่เอวเพื่อการเคลื่อนไหวที่สะดวกสบาย

                นัยน์ตามองไปรอบห้องอีกรอบ

                ชีวิตในคุกสามเดือนที่ผ่านมาก็สนุกไม่ใช่น้อย

                ร่างสูงโค้งตัวลง

                "ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เซอิส ขอลา" เขาดึงจุกพลาสติกออก เกิดเสียงลมฟู่ท่ามกลางความเงียบงัน ร่างสูงแกร่งยืนเงียบ เงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวภายนอก แม้เสียงประหลาดนี้จะดังอยู่เพียงไม่กี่วินาทีแต่ก็อันตรายเกินกว่าจะประมาทได้

                หลังจากยืนเงียบอยู่ห้านาที เสียงที่ได้ยินมีเพียงแต่เสียงกรนของห้องข้างๆ

                เขาระบายรอยยิ้ม โค้งตัวให้กับคุกที่ไร้ความยุติธรรมและเต็มไปด้วยความขยะแขยง

                เขาห่มผ้าให้ 'เอลมาร์' ที่ไร้ลมหายใจอยู่บนเตียง ดีดจมูกโด่งนั้นอย่างหยอกเย้า

                "บ้ายบายนะ" พูดจบก็กระโดดตัวสูง หายตัวไปในช่องระบายอากาศบนฝ้าเพดานสูงนั้น

 

 

                วันนี้ภายในเมืองยังคงคึกคักเหมือนเดิม ชาวบ้านเดินซื้อของกันขวักไขว่ เสียงพูดคุยกันตามประสายังคงได้ยินมาตลอดทาง หญิงชายในชุดสบายๆ กับชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทแบบผู้มีอิทธิพลเดินสวนกันไปมาราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

                นี่คือเมืองบลังกา

                เมืองขนาดกลางในดินแดนเดียวของโลกยุคใหม่ ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า ซัมเมลน

                เมืองสีหม่นที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม เกินกว่าครึ่งคือผู้มีอิทธิพลที่ทำเลวจนเป็นวิสัย ทว่ากลับเดินเฉิดฉายอยู่ในเมืองราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

                นี่แหละเมืองบลังกา ความอยุติธรรมสีขาว

                ชายหนุ่มในชุดสูทเนี้ยบเดินยืดตัวตรงท่ามกลางผู้คน นัยน์ตาถูกซุกซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นตาดำ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครเห็นว่านัยน์ตานั้นกำลังหลุกหลิกเพียงใด

                หมายศาลที่ถูกส่งมาเมื่อสามวันก่อนทำให้เขาหวาดระแวง

                ตำรวจของบลังกายังคงทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง ส่งหมายศาลเรียกตัวไปยังผู้ทำผิด แต่มักจะขี้เกียจอย่างกะทันหันเมื่อได้รับเงินล้านยูนิตพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมของผู้มีอิทธิพล หรือ หญิงสาวรอยยิ้มหวานที่มาพร้อมกับร่างกายอวบอัดและเงินอีกกองโต

                เขาขบริมฝีปากแน่น

                เงินล้านยูนิตเขามีเพียงพอ แต่สิ่งที่เขาไม่มีคือรอยยิ้มที่คนเหล่านั้นต้องการ

                ขายาวก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ในเมื่อตัวเขาเองไม่มีความสามารถเพียงพอ ในเมืองๆ นี้ ยังมีหนทางอีกมากมายที่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากกระดาษแผ่นเล็กที่มีปั๊มตราราชการแผ่นนั้น

                เขากำลังตามหาที่แห่งนั้นอยู่

                "นี่เธอ ได้ยินบ้างหรือเปล่า" เสียงแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งดังเข้ามาในหู เกิดเสียงฮือฮาของผู้คนด้วยความสนใจ เขาพยายามไม่ใส่ใจ

                 "จำเอลมาร์ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอำนาจไปต่อกรกับตำรวจแล้วโดนจับเข้าคุกไปได้หรือเปล่า" สมาธิของเขาแตกกระเจิง สำหรับเมืองนี้คนที่ทำความผิดแล้วไม่ได้เข้าคุกเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นเมื่อสามเดือนก่อน ตอนที่เอลมาร์ ฆาตกรต่อเนื่องสิบศพถูกจับตัวเข้าคุกจึงเป็นที่ฮือฮาของประชาชนมาก

                "จำได้ๆ ทำไมหรอ"

                "เมื่อเช้ามีคนพบศพนอนตายอยู่บนเตียง" ชายหนุ่มในชุดสูทสะดุ้งเฮือก  นัยน์ตาคมเบื้องหลังกรอบแว่นเบิกกว้าง

                "น่าจะมีเรื่องกับใครสักคน เห็นบอกว่านอนตาเหลือกเลยนะ จับมือใครดมก็ไม่ได้ พวกเธอก็รู้ว่าพวกผู้คุมในคุกสนใจเสียที่ไหนว่านักโทษจะตายเพราะใคร พอเจอศพก็แค่ปาลงทะเลก็จบแล้ว"

                เขาขบริมฝีปากแน่น ขยับขาที่สั่นระริกก้าวเดินไปข้างหน้า หัวใจพลันสั่นไหวไปหมด

                'ไม่จริงน่า เขาจะไม่มีทางมีจุดจบเหมือนไอบ้าเอลมาร์นั่นแน่ๆ!' มือหนากำแน่น

                'ต้องหาให้เจอ ต้องหา โอตร้า เซ อาเบร์ ให้เจอ!'

 

 

                บรรยากาศสีหม่นในเมืองที่มีนามว่าสีขาว ความชั่วร้ายของบลังกาสนับสนุนเพียงแต่คนที่มีอิทธิพลมากเพียงพอ เหล่าคนเลวที่มีเพียงเงินทองไม่สามารถฉีกกฎของตำรวจได้

                เป็นที่รู้กันในวงการมืดถึงองค์กรๆ หนึ่ง องค์กรปริศนาที่ช่วยเหลือคนผิด ขอเพียงแค่มีเงิน

                องค์กรลึกลับที่ถ้าไม่หาจะไม่เจอ ถ้าไม่พยายามจะไม่มี

                'โอตร้า เซ อาเบร์'

 

 

            นัยน์ตาเบื้องหลังกรอบแว่นมองซ้ายขวาตลอดทางที่เดินผ่าน โอตร้า เซ อาเบร์ไม่เคยมีตำแหน่งปรากฏที่ตายตัว บางวันปรากฏตัวทางเหนือ บางวันปรากฏตัวทางใต้ หรือบางวันอาจจะไม่ปรากฏตัวมาเลย

                ทว่า องค์กรนี้จะมีหน้าร้านที่เป็นเอกลักษณ์

                เขาตามหาหน้าร้านนี้มาสามวันแล้ว นับตั้งแต่ได้หมายศาลมา เขาก็อยู่ไม่สุข ต้องมาเดินหาทุกวัน แต่ก็คว้าน้ำเหลว

                กลิ่นของบางสิ่งบางอย่างลอยมาแตะจมูก เขาชะงักขา หันใบหน้าไปมอง ตรอกเล็กในเมืองที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน มีควันบางอย่างลอยออกมา กลิ่นที่เย้ายวนเรียกให้สติของเขาล่องลอย ขายาวก้าวเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ตรอกที่แคบและมืดไม่ทำให้เขาสนใจได้เลย เขาเพียงแต่เดินตามกลิ่นเข้าไป จนกระทั่งไปหยุดที่ปลายตรอก

                เขาเบิกตากว้าง ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือภาพที่เขาตามหา เอกลักษณ์ของโอตร้า เซ อาเบร์ที่เคยได้ยินแต่ชื่อ

                บานประตูไม้สีเทาหม่น

            ห่วงเหล็กคล้องประตูรูปตัวโอ

            ป้ายไม้สวยสลักถ้อยคำให้กำลังใจ

                มือหนาผลักบานประตูเข้าไป ในร้านที่เงียบสงบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่เรียกให้เขามาหา กลิ่นของกาแฟที่เขาเพิ่งเคยได้กลิ่นเป็นครั้งแรก

                ที่หลังเคาน์เตอร์มีชายหนุ่มคนหนึ่ง นัยน์ตาสีทองมองมาที่เขาพร้อมกับขยับรอยยิ้มกว้าง "สวัสดีครับ ร้านกาแฟของเรายินดีต้อนรับครับ"

                ชายหนุ่มในชุดสูทเดินเข้าไปหา มือแกร่งถอดแว่นตาดำออก เผยนัยน์ตาหม่นแสนหลุกหลิกออกมา

                เจ้าของร้านยังคงยิ้มกว้างให้เขาที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่ เขาขยับริมฝีปากที่สั่นระริก หัวใจยังคงเต้นระรัวด้วยความดีใจที่เจอเป้าหมายที่ตามหา

                เขาหลุดรอดพ้นจากความผิดแล้ว ขอเพียงเขาเปิดประตูเข้าสู่โอตร้า เซ อาเบร์ ได้ ขอเพียงเขาเอ่ยถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ ประตูองค์กรก็จะเปิดออก

                "Cuando una puerta se cierra, otra se abre!" เขาเอ่ยออกไปรวดเดียว รอยยิ้มของเจ้าของร้านแปรเปลี่ยนไป นัยน์ตาสุขุมสีเหลืองทองแวววับ

                พื้นที่เขายืนอยู่สั่นสะเทือน

                เขาหันใบหน้าไปมาด้วยความตกใจ พื้นกำลังขยับลง ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหา รู้ตัวอีกทีรอบข้างก็มืดมิด สิ่งที่เห็นมีเพียงนัยน์ตาสีทองของเจ้าของร้านที่ทอประกายอยู่ตรงข้าม

                เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับเขาที่กำลังร้อนรน กว่าพื้นจะหยุดขยับ เขาก็เหงื่อออกไปทั้งตัว

                แสงไฟสว่างวาบ ชายหนุ่มปริศนายังคงยืนอยู่ที่เดิม

                "ยินดีต้อนรับเข้าสู่โอตร้า เซ อาเบร์ครับ คุณวิลเฮม"

 



OSTA SE ABRE

ผู้แต่ง : ka'kujo

ตอนที่ ชื่อตอน วันที่ลง
1 บทนำ 08 ก.พ. 59
2 บทที่ 1 08 มี.ค. 59
3 บทที่ 2 15 มี.ค. 59
4 บทที่ 3 22 มี.ค. 59
5 บทที่ 4 30 มี.ค. 59

Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

คอมเมนท์สุดท้าย ขออนุญาตแนะนำเรื่องสำนวนการเขียนซักหน่อยนะครับ : )

เรื่องนี้มีอยู่ 2 จุด ที่ถ้าแก้ไขแล้วสำนวนการเขียนจะดีขึ้นทันตาเห็น

1. พยายามใส่ประธานเข้าไปในประโยคด้วยนะครับ
เช่น:

[ได้ยินเสียงปืน สังเกตจนรู้ว่าเขาอยู่ในอาคารนี้]
- แม้ว่าถ้าอ่านต่อเนื่องมาจากย่อหน้าก่อนๆ ผู้อ่านย่อมรู้ว่านี่พูดถึงใคร
แต่อย่างไรก็ตาม ในการขึ้นย่อหน้าใหม่ ยังไงก็ควรใส่ประธานเข้าไปด้วยนะครับ
ไม่งั้นจะเกิด 'ภาพแหว่ง' ในหัวผู้อ่าน ทำให้สะดุด/ ติดขัด

[นัยน์ตาสีเหลืองทองหรี่ต่ำ พยายามรวบรวมความคิดให้กลับมาเข้าที่]
- ตรงนี้ก็เป็นช่วงขึ้นย่อหน้าใหม่เช่นกัน
กรณีเดียวกันเลยครับ
พอเราละประธานที่เป็นบุคคลไป
กลายเป็นว่า สิ่งที่ [พยายามรวบรวมความคิดให้กลับเข้าที่] นั้นก็คือ 'นัยน์ตา' ไม่ใช่เจ้าของนัยน์ตา

2. เป็นคนที่เขียนอากัปกิริยาของตัวละครละเอียดมากนะครับ
ซึ่งงานเขียนเป็นสิ่งที่ประหลาดอย่างหนึ่ง
ยิ่งเราเขียนน้อย ผู้อ่านจะได้ภาพมาก
แต่ถ้าเราเขียนมาก ผู้อ่านจะได้ภาพน้อย
> <

หวังว่าคอมเมนท์ครั้งสุดท้ายนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ : )

ดาวิษ ชาญชัยวานิช

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

สารภาพว่าอ่านบทนำแล้วค่อนข้างจะงงๆ แต่พออ่านบทต่อๆ มาแล้วเคลียร์ขึ้นเยอะ ยิ่งพอสารแมลโผล่มา แล้วพอรู้ว่าจะถูกใช้ไปทำอะไรแล้ว โอ้โห! ขอตอนต่อไปให้ไวเลย สนุกมากครับผม ^^

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 1 1
  • ความคิดเห็นที่ 17

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.244.70
    • 31 มีนาคม 2559 / 06:31
    คอมเมนท์สุดท้าย ขออนุญาตแนะนำเรื่องสำนวนการเขียนซักหน่อยนะครับ : )

    เรื่องนี้มีอยู่ 2 จุด ที่ถ้าแก้ไขแล้วสำนวนการเขียนจะดีขึ้นทันตาเห็น

    1. พยายามใส่ประธานเข้าไปในประโยคด้วยนะครับ
    เช่น:

    [ได้ยินเสียงปืน สังเกตจนรู้ว่าเขาอยู่ในอาคารนี้]
    - แม้ว่าถ้าอ่านต่อเนื่องมาจากย่อหน้าก่อนๆ ผู้อ่านย่อมรู้ว่านี่พูดถึงใคร
    แต่อย่างไรก็ตาม ในการขึ้นย่อหน้าใหม่ ยังไงก็ควรใส่ประธานเข้าไปด้วยนะครับ
    ไม่งั้นจะเกิด 'ภาพแหว่ง' ในหัวผู้อ่าน ทำให้สะดุด/ ติดขัด

    [นัยน์ตาสีเหลืองทองหรี่ต่ำ พยายามรวบรวมความคิดให้กลับมาเข้าที่]
    - ตรงนี้ก็เป็นช่วงขึ้นย่อหน้าใหม่เช่นกัน
    กรณีเดียวกันเลยครับ
    พอเราละประธานที่เป็นบุคคลไป
    กลายเป็นว่า สิ่งที่ [พยายามรวบรวมความคิดให้กลับเข้าที่] นั้นก็คือ 'นัยน์ตา' ไม่ใช่เจ้าของนัยน์ตา

    2. เป็นคนที่เขียนอากัปกิริยาของตัวละครละเอียดมากนะครับ
    ซึ่งงานเขียนเป็นสิ่งที่ประหลาดอย่างหนึ่ง
    ยิ่งเราเขียนน้อย ผู้อ่านจะได้ภาพมาก
    แต่ถ้าเราเขียนมาก ผู้อ่านจะได้ภาพน้อย
    > <

    หวังว่าคอมเมนท์ครั้งสุดท้ายนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ : )

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 16

    Briss
    • Name : Briss < My.iD > [IP] 182.148.26.38
    • 31 มีนาคม 2559 / 01:09
    ชอบตอนนี้!
    ชอบฟลอดิน่าด้วย
    และนางจะรู้มั้ยว่าเจอต้นตอแล้ววววว

    อยากอ่านตอนต่อไปจัง 55
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Ka'Kujo
    • Name : Ka'Kujo < My.iD > [IP] 110.168.229.200
    • 30 มีนาคม 2559 / 12:55
    [ลูกฟูก พี่ดาวิษ พี่ปัฐ]

    ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำและกำลังใจค่ะ
    เดินทางมาถึงปลายทางแล้ว
    ได้รับอะไรดีๆ ไปเยอะเลย

    หลังจากนี้จะพยายามให้มากขึ้น แก้ไขจุดบกพร่องของตัวเองให้มากขึ้น
    จะเขียนไปเรื่อยๆ ค่ะ

    ขอบคุณมากนะคะ > / <
  • ความคิดเห็นที่ 14

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.184.80
    • 29 มีนาคม 2559 / 23:30
    พี่ปัฐเองนะครับผม ^ ^

    แหม... มาถึงตอนนี้แล้วตัวละครโผล่ออกมากันเยอะเชียว ^ ^
    เนื้อเรื่องก็เข้มข้นขึ้น ทำให้พอเข้าใจแล้วว่าวัตถุประสงค์ในการเก็บแมลเอาไปทำไม แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่คลายปมแบบสุดๆ แสดงว่าน่าจะมีอะไรแอบแฝงเอาไว้หรือเปล่าเอ่ย? หุหุหุ มีลางสังหรณ์ว่าจะมีการหักมุมเรื่องไปได้อีกนะครับนี่ ^ ^ ชอบผู้คุมหญิงครับ เหมือนจะเป็นตัวเอกของเรื่องเลยมากกว่าตัวอื่นๆ เสียอีก แต่ระวังการสลับบทพูดบทแสดงของตัวละครหน่อยก็ดีนะครับ อ่านแล้วดูจะโดดไปโดดมาอยู่บ้าง แม้จะพอรู้เรื่อง แต่ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่า แต่ละช่วงให้ใช้ตัวละครตัวเดียว หรือกลุ่มเดียว(ที่มีไม่กี่คน)เป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก แล้วค่อยสลับเป็นคนอื่นๆ ในช่วงถัดไปจะดีกว่านะครับ
    เอาใจช่วยครับผม ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 13

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.246.110
    • 24 มีนาคม 2559 / 02:29
    บทนี้บอกเลยว่ามันโดดไปโดดมามากเลยคับ T T
    คือมีหลายเหตุการณ์ หลายฉาก และหลายตัวละคร
    ณ จุดนี้ นิยายเรื่องนี้เหมือนหนังที่ตัดไปตัดมาระหว่างตัวละครหลายตัว
    ที่ความสัมพันธ์ต่อกันยังดูไม่ค่อยลึกซึ้งนัก
    ทำให้เหมือนดูหนังสั้นหลายๆเรื่องสลับไปมา T T

    โดยปกติแล้ว เรื่องราวที่ดี จะต้องโฟกัสไปที่ตัวละครหลักตัวเดียวนะครับ
    แล้วค่อยๆฉายภาพเป็นวงกว้างออกไปเรื่อยๆ
    พอภาพเริ่มกว้างขึ้นแล้ว เราค่อยเปลี่ยนไปโฟกัสที่ตัวละครอื่นๆได้บ้าง
    แบบนี้จะไม่งง เพราะมีสมอยึดอยู่ที่ตัวละครหลักแล้ว

    แต่เรื่องนี้ช่วงสองสามบทแรกมีการสลับไปมาระหว่างตัวละครหลายตัว
    ฉากก็สลับไปมา ทำให้อ่านแล้วจับจุดโฟกัสได้ยาก

    แต่เนื้อเรื่องและองค์ประกอบคิดมาดีนะครับ
    ตอนนี้มันจึงเหมือนเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจ แต่ยังตัดต่อไม่ดี
    แต่มีศักยภาพนะครับเรื่องนี้
    เขียนต่อไปเรื่อยๆครับ > <

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 12

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 23 มีนาคม 2559 / 21:49
    มีความรู้สึกว่าฟลอดิน่ากำลังจะเข้าไปหาความลับซะแล้ว
    โอ๊ยย แลดูนางเทพมากที่ได้ยินเสียงกระสุน จริงๆนะ
    ตอนนี้สลับบทไปมาเยอะอยู่เนอะ ถ้าอ่านไม่ดีก็อาจงงได้แหละ แต่เก็บเรื่องของทุกคนได้ครบดี
    แต่เด็กหนุ่มในเรือนจำแต่ละคนน่าสงสารจริงๆ โผล่มาเพื่อถูกดูดแมล 555
  • ความคิดเห็นที่ 10

    Ka'Kujo
    • Name : Ka'Kujo < My.iD > [IP] 171.101.158.7
    • 18 มีนาคม 2559 / 23:28
    [พี่ดาวิษ]

    ขอบคุณมากค่ะะะะ ฟังแล้วฮึดขึ้นมาอีกหลายเท่า ฮึบบบ
    จะพยายามแก้ไขจุดบกพร่องแล้วพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ!
  • ความคิดเห็นที่ 9

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.245.138
    • 17 มีนาคม 2559 / 18:26
    บทนี้ดีนะครับ
    เริ่มเผยจุดประสงค์ของเรื่องออกมาให้เห็นแล้ว
    สิ่งสำคัญสำหรับนิยายเรื่องนี้นะครับ คือการเรียบเรียงให้กระชับ
    ในบทนึง ดำเนินเรื่องราวของตัวละครแค่กลุ่มเดียวหรือสองกลุ่มก็พอแล้ว
    ยิ่งเรื่องของเรามีตัวละครเยอะ ฉะนั้นถ้าในบทนึงตัดฉากไปมาระหว่างกลุ่มโน้นกลุ่มนี้หลายกลุ่ม
    อ่านแล้วจะงงมาก

    อย่างตอนล่าสุดนี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนะครับ อ่านแล้วเบาสบายกว่าบทแรกๆเยอะเลย : )
  • ความคิดเห็นที่ 8

    Ka'Kujo
    • Name : Ka'Kujo < My.iD > [IP] 124.121.18.133
    • 15 มีนาคม 2559 / 23:44
    [ลูกฟุก]

    เราเขียนเองก็เริ่มเมาเองแล้ว ฮ่าๆๆๆ
    ขอบคุณมากกกกก > ///// <

    ดีใจที่ชอบตัวละครของเรานะ 
  • ความคิดเห็นที่ 7

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.207.19
    • 15 มีนาคม 2559 / 23:07
    จากบทแรกมาถึงบทนี้ มุมของพระเจ้าทำให้ย้ายมาจับที่ตัวละครอีกกลุ่ม
    ปัญหาคือไม่ได้อ่านต่อเนื่องเลยเริ่มเมา ฮาาา
    จริงๆคือตอนนี้ก็น่าสนใจ แต่เราว่าอันที่จริงต่อจากนี้ไปเลยน่าจะได้อะไรมากขึ้น
    เพราะเหมือนตอนนี้มันหยุดอยู่ที่ว่าสุดท้ายแทรกซึมไปในเรือนจำได้
    จบปิ๊ง

    แต่ตัวละครน่าหลงรักมากกกกก
  • ความคิดเห็นที่ 6

    Ka'Kujo
    • Name : Ka'Kujo < My.iD > [IP] 124.121.18.133
    • 10 มีนาคม 2559 / 23:49
    [พี่ดาวิษ]

    ขอบคุณมากค่ะะสำหรับคำติชมม > < 
    จะพยายามแก้ไขจุดบกพร่องไปเรื่อยๆ ค่ะ! 

    ' v ')9
  • ความคิดเห็นที่ 5

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.247.251
    • 9 มีนาคม 2559 / 22:01
    ตอนที่สองนี้
    บอกเลยว่าชอบอ่านช่วงที่เป็นเนื้อเรื่องของคุณวิลเฮมนะครับ
    มันสนุกที่ตรงนั้น เพราะมันเป็นแก่นของนิยายเรื่องนี้(อย่างน้อยก็จากที่รับรู้ได้ในพล็อตเรื่อง)
    แต่โดยรวม อ่านแล้วยังอึนอยู่นิดนึง ด้วยความที่มีหลายเนื้อเรื่องย่อยในตอนเดียว
    ช่วงสองสามบทแรกๆ พยายามเขียนให้เรียบง่ายและน้อยๆเข้าไว้นะครับ มันจะทำให้คนดูเกิดจุดโฟกัสกับนิยายของเรา > <

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 4

    Ka'Kujo
    • Name : Ka'Kujo < My.iD > [IP] 110.168.229.239
    • 8 มีนาคม 2559 / 10:16
    [ลูกฟูกกกกกกกกก] 55555

    ขอบคุณมากกกกกกก เราส่งแต่บทนำเพราะเรางง 5555
    ขอบคุณสำหรับคำติ นี่ก็เพิ่งสังเกตเหมือนกันคำว่า ทั้ง เราเป็นคนที่ใช้คำซ้ำบ่อย โดนคอมเมนต์หลายรอบแล้วก็ยังติดอยู่ จะค่อยๆ ปรับไป

    ขอบคุณสำหรับคำสะกดด้วย

    จะมาปั่นไปด้วยกันนนนนนนน มาสู้ไปด้วยกันน้าา ฮึบบบบบบบ ' v ')9
  • ความคิดเห็นที่ 3

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.204.219
    • 8 มีนาคม 2559 / 08:36
    เพิ่งสังเกตว่าขวัญส่งแต่บทนำจริงๆด้วย คือโหดมากกก ทีนี้พอมาต่อบทที่ 1 ตรงนี้มันเลยช้าไปเลยจริงๆ

    ส่วนตัวคือเห็นพัฒนาการมากนะ จากบททำอ่านแล้วเจอแต่ "เสียง" นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด
    พอมาบทที่ 1 คืออ่านได้เรือยๆเลย 

    แต่มีติดใจนิดหน่อยตรง

    "นายจะเอายังไงบอส" -- นายกับบอสเป็นคนเดียวกันคิดว่าตัดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้นะ น่าจะกระชับกว่านี้

    แล้วก็อันนี้
    "ทั้งโดสทั้งเตรซยังอยู่ในบลังกาทั้งคู่" -- ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า แต่อ่านมาเฮ้ย "ทั้ง" ลั่นไปหมดเลย แถมต่อจากนั้นมีอีกทั้ง -- "งานนี้นายจะใช้ทั้งสองคนนี้หรอ..."
    แอบรู้สึกว่ามันล้นมากในหนึ่งย่อหน้า หรือถ้าเป็นสไตล์ก็ว่ากันนะ

    แล้วก็ไปจิ้มราชบัณฑิตมาว่า "อิเล็กทรอนิกส์" ใช้ ก.ไก่ แหละ

    ปั่นตอนต่อไปก็พยายามนะ!!! ล่าไก่ไปด้วยกัน 55

  • ความคิดเห็นที่ 2

    Ka'Kujo
    • Name : Ka'Kujo < My.iD > [IP] 58.8.52.84
    • 8 มีนาคม 2559 / 00:13
    [ พี่ปัฐ ]

    ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ สำหรับคำแนะนำและคำติชม ตั้งแต่ไปอบรมกลับมาก็เห็นข้อด้อยของนิยายตัวเองแล้วว่าอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมกับการประกวดเท่าไร แต่คิดแล้วว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด ได้ไม่ได้ยังไงก็จะเข็นให้จบแล้วส่งสำนักพิมพ์อยู่ดี

    ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ เปิดมาเจอคอมเมนต์แล้วได้กำลังใจขึ้นอีกเป็นกอง ' v ')9
  • ความคิดเห็นที่ 1

    bodin Intrararujikul
    • Name : bodin Intrararujikul [IP] 171.96.182.132
    • 5 มีนาคม 2559 / 09:08
    พี่ปัฐนะครับผม ^ ^ ือือหือ ภาษาการบรรยายอย่างกับมืออาชีพเลยนะครับเนี่ย ลึกล้ำและดำมืดไปกับเนื้อเรื่องจริงๆ ชวนสงสัยและคลี่คลายในตัวมันเองเสียด้วย ว่าแต่... จะมีสักกี่คนกันนะที่ตามทันกลวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ พี่ปัฐเองก็ถึงกับต้องย้อนกลับไปอ่านตั้งหลายเที่ยวแนะกว่าจะทำความเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไรและมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ^ ^!! โดยส่วนตัวนะครับ โดยส่วนตัวคิดว่างานที่เหมาะกับการประกวดน่าจะเป็นงานที่ทำความเข้าใจได้ง่ายกว่านี้สักหน่อย เรื่องนี้ ถ้าสมมติ ถ้าสมมตินะครับว่าไม่ชนะ พี่ปํฐคิดว่าน่าจะลองส่งตรงดูนะ เพราะสนุก และลึกลับน่าติดตามมาก อีกทั้งสำนวน ภาษา และการบรรยายก็ทำได้ดีมากทีเดียว ขอให้ได้เข้ารอบต่อไป และสู้ต่อไปนะครับผม ^ ^b
Page 1 of 1 1

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป