EN10 Artisan
'เสื้อคลุมขนนก' ที่ทำให้บินได้ 'ชุดเกราะมังกรเหิน'ที่เผาไฟไม่ไหม้ 'ท่องวารี' รองเท้าที่ทำให้เดินบนผิวน้ำได้ คืองานของพวกเเขาเหล่า 'Artisan'
เบื้องหลังความเจิดจรัสของนักผจญภัยและเหล่าขุนนาง คือ เครื่องป้องกันและเสื้อผ้าที่เปล่งประกาย
เรื่องราวบทใหม่ของหนุ่มน้อยนักออกแบบฝึกหัด
กับชั้นเรียนแฟชั่นส่วนตัวกับพระราชาสุดโหด และการผจญภัยล่าวัตถุดิบกับเหล่ามอนส์เตอร์ที่แหวกทุกกฎของงานออกแบบได้เริ่มขึ้นแล้ว
ณ เมืองแห่งแฟชั่นยุคกลาง ‘เอคราโทร’!
บทที่ 1
ตระกูลรัซเซล
คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมอนุสาวรีย์ของเหล่าผู้กล้า อัศวินต้องใส่ชุดนักรบที่มีเครื่องประดับเต็มยศ แล้วทำไมนักเวทย์ต้องใส่ผ้าคลุมที่ประดับด้วยเพชร ขนเฟอร์ และลูกไม้? ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วเวลาต่อสู้กับมอนส์เตอร์เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ต้องขาดกระจุยอยู่ดี แต่ก็เพราะเสื้อผ้าเหล่านั้นทำให้เขาเป็นที่จดจำในรูปลักษณ์ที่สง่างามนี่ล่ะ จึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนมากมายแวะเวียนมาที่นครแฟชั่น ‘เอคราโทร’
ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งค้าผ้าที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมของนักออกแบบและช่างตัดเย็บที่มีฝีมือจากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากการแข่งขันทางการตลาดที่สูงขึ้น ดังนั้นนอกจากความสวยงามแล้ว ยังต้องมีคุณสมบัติการใช้งานยอดเยี่ยมสอดคล้องกับอาชีพ
พอแสงตะวันเริ่มทอสีส้มร้านค้าในตลาดใจกลางเมืองก็เริ่มเก็บแผงเพื่อเปิดทางให้กับขบวนเสื้อผ้าที่จะแสดงทุกๆ สุดสัปดาห์ เหล่านักออกแบบทุกคนใฝ่ฝันที่จะให้เสื้อผ้าของตัวเองได้ร่วมแสดงในขบวนนี้ เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น จุดรวมสายตาไปอยู่ที่เด็กสาวชุดแดงผู้นำขบวน เธอยิ้มสดใสเสกลูกไฟมาไว้บนมือ เลื่อมและอัญมณีที่อยู่บนเสื้อผ้าขับให้เธอเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม พอสะบัดผ้าคลุมปุ๊บเปลวไฟเหล่านั้นก็กลายเป็นสายรุ้งท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชน ตามด้วยผู้ร่วมขบวนคนอื่นๆ ที่พากันร่ายรำอวดชุดของตนประชันกันเต็มที่
นีโก้มองพวกเขาด้วยสายตาหลงใหล มันคงจะวิเศษมากหากสักวันเสื้อผ้าที่เขาออกแบบได้เจิดจรัสเปล่งประกายเช่นนั้นบ้าง
“เฮ้อ~” หันกลับมาดูปึกผลงานออกแบบในมือที่ถูกตีกลับมา นี่ก็ร้านที่สิบแล้วหลังจากเด็กหนุ่มไปสมัครงาน แต่ก็ยังไม่ผ่านสักที งี้เมื่อไหร่ฝันที่อยากจะเป็นสุดยอดนักออกแบบแห่งยุคจะเป็นจริงล่ะ
ทั้งๆ ที่เขาเป็นถึงคนในตระกูลช่างตัดชุดแห่งยุคอย่าง ‘วีลเฮล์ม รัซเซล’ แท้ๆ ทว่าตั้งแต่ย้ายมาเมืองนี้ ในครอบครัวทั้งแม่และพี่สาวต่างก็มีร้านเสื้อผ้าดังๆ อย่าง Claire de rune เข้ามาทาบทามไปแล้ว ขณะที่เขายังหางานไม่ได้สักที่ นั่นคงเป็นเพราะเขาออกแบบได้อย่างเดียว แต่ให้ตายยังไงก็ตัดเย็บไม่เป็นเลยล่ะมั้ง
ตุ้บ! เด็กหนุ่มเดินไม่ระวังชนกับใครบางคนเข้า เพราะขนาดตัวที่ต่างกันเกินไป และน้ำหนักเกราะอัศวินของฝ่ายตรงข้ามทำให้นีโก้ล้มลงกับพื้น แผ่นกระดาษผลงานกระจายเต็มไปหมด “ขอโทษฮะ”
“ไม่เป็นไร”อีกฝ่ายไม่ถือสา ก้มลงช่วยเด็กหนุ่มเก็บของก่อนที่จะไปสะดุดกับชื่อบนขอบกระดาษ “รัซเซล? เจ้าชื่อนีโก้ รัซเซลงั้นเหรอ?”
พออีกฝ่ายเรียกชื่อราวกับรู้จัก ‘นีโก้’ ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย เขาไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ให้ความรู้สึก ‘น่าเกรงขาม’ ขนาดนี้มาก่อน แค่เห็นขนาดของชุดเกราะที่ดูท่าจะหนักและกล้ามเนื้อก็ดูออกแล้วว่าต้องฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี...แต่เขาไม่รู้จักคนๆ นี้
“เอ่อ คุณรู้จักผมงั้นเหรอ?”เด็กหนุ่มสงสัย อัศวินพยักหน้า
“นี่คือ เสื้อผ้าที่เจ้าออกแบบ?” เขายกแบบขึ้นมาดูใกล้ๆ มันคือเสื้อผ้าสำหรับใส่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง ผ้าไหมพรมสีรุ้งสำหรับชาวเมืองที่ดูแล้วน่าจะหนาพอที่จะใส่ป้องกันความหนาว แต่บางเกินที่จะป้องกันการโจมตีจากศัตรู
นีโก้รู้ดีว่าในยุคนี้เป็นแฟชั่นของนักผจญภัย แต่เขาก็อยากให้ชาวเมืองที่อยู่กับบ้าน และนักผจญภัยยามต้องการวางอาวุธได้สวมใส่ชุดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพักผ่อนจริงๆ บ้าง
“ชุดของเจ้า...” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองก่อนจะยิ้ม “เป็นชุดที่ดีนะ...”
“ขอบคุณฮะ” เพียงคำพูดสั้นๆ แค่นี้ก็ทำให้นีโก้มีกำลังใจมากขึ้น เขารับกระดาษที่ชายหนุ่มเก็บขึ้นมาให้ใส่ซอง
“อ้ะ ผมให้คุณ แทนคำขอโทษที่ชน และขอบคุณที่ชื่นชมงานผม” เด็กหนุ่มส่งกระดาษแผ่นเมื่อครู่ให้แล้ววิ่งกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้อัศวินหนุ่มพึมพำไปมา ...”นีโก้ รัซเซล...ตระกูลรัซเซลยังมีลูกชายอีกคนงั้นสินะ?”
ถ้าเช่นนั้นก็มีวิธีช่วยเหลือ ‘ท่านผู้นั้น’ แล้ว พอคิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ขึ้นขี่ม้าที่ผูกไว้ในคอกม้าใกล้ๆ แล้วมุ่งกลับปราสาททันที!
จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องเป็นสัญญาณเริ่มวันใหม่ นีโก้บิดขี้เกียจลุกจากเตียง เปิดหน้าต่างแล้วออกไปรับอากาศสดชื่นยามเช้า เอาล่ะ! ยังไงสักวันหนึ่งฝันของเขาต้องเป็นจริงแน่...
ตึก ตึก ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่วิ่งขึ้นบันไดมา ปัง! ประตูห้องถูกเปิดโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้องเสียก่อน น้ำเสียงแหลมขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนีน่า “นีโก้ มีคนมาหานาย!”
ใครกันนะ?...ที่ทำให้พี่สาวของเขาตกใจได้ขนาดนี้ เด็กหนุ่มเก็บความสงสัยแล้วตามเธอลงบันไดไป
บุคคลที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะรับประทานอาหาร คือ อัศวินคนเมื่อคืนนั่นเอง เมื่อเขาเหลือบมาเห็นนัยน์ตาสีเขียวมรกตของนีโก้ที่จ้องมองมาก็ยิ้มจางๆ แทนคำทักทาย
“อ่ะ สวัสดีฮะ อ้าว คุณรู้ทางมาบ้านผมได้ยังไงกัน...โอ๊ย! พี่นีน่าเขกหัวผมทำไม!?” เด็กหนุ่มมองค้อนผู้เป็นพี่สาว ความเจ็บทำให้เห็นหยดน้ำที่ระบายออกทางหางตาเล็กน้อย ทว่าเธอกลับไม่เห็นใจสักนิด
“อย่าเสียมารยาทสิ! ท่านผู้นี้คือ ท่านเซเนทอัศวินระดับชั้นสูงสุดของอาณาจักรไงแล้วก็ยังเป็นองครักษ์ที่ใกล้ชิดพระราชาที่สุดอีกด้วย!” เด็กสาวกอดอก เอ่ยด้วยท่าทางภาคภูมิใจในความรอบรู้ของตัวเองแบบสุดๆ ก่อนจะส่ายหัวให้กับน้องชายที่ไม่ทันข่าวสารเอาเสียเลย “งั้น เชิญคุยกันตามสบายนะคะ” นีน่ายิ้มให้กับเซเนทก่อนจะขอตัวเข้าไปอุ่นซุปในครัว
“...” ห้องปกคลุมด้วยความเงียบ นีโก้นั่งมองอัศวินหนุ่มจิบกาแฟก่อนจะถาม “เอ่อ พี่สาวบอกว่า...คุณ...ไม่สิท่านมาพบผม?”
“เรียกคุณแบบเดิมก็ได้ ข้าเองก็ไม่ชินกับท่านสักเท่าไหร่”เขาว่า “อืม...ที่จริงข้ามาเพราะของสิ่งนี้ล่ะ”
เซเนทหยิบกระดาษพับหนึ่งออกมาจากที่ซ่อนใต้เกราะ เขากางมันออกแล้วส่งให้นีโก้ นั่นคือภาพที่เขาให้ชายหนุ่มไว้เมื่อคืนก่อน “ผลงานของผม?”
“ใช่แล้ว” เขาพยักหน้า “เจ้าหางานทำอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
“ครับ คงไม่ใช่ว่าคุณจะจ้างผมเป็นนักออกแบบส่วนตัวหรอกนะ?” นีโก้เบิกตาขึ้นเล็กน้อย ประกายแห่งความหวังปรากฏขึ้นอีกครั้ง นี่คือโอกาสสำคัญที่จะทำให้เสื้อผ้าเขาเป็นที่รู้จักในฐานะที่ได้ออกแบบเสื้อผ้าให้ขุนนางระดับสูงอย่างเซเนท!
“ถูก”เขานิ่งไปพักหนึ่งจนเด็กหนุ่มกลัวอัศวินหนุ่มจะเปลี่ยนใจ “เพียงแต่คนที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่เจ้าออกแบบไม่ใช่ข้า”
“งั้นใครกันครับ?” นีโก้สงสัย...
“ตามมา เขารอพบเจ้าอยู่...”ว่าแล้วชายหนุ่มก็สะบัดผ้าคลุมลุกออกจากโต๊ะอย่างงามสง่า ส่วนนีโก้ก็รีบกลืนขนมปังที่หยิบมากินเมื่อครู่ให้หมดแล้ววิ่งตามไป
พวกเขาเดินทางมาถึงปราสาทหลังใหญ่ ทุกอย่างแปลกใหม่ไปหมด นีโก้ไม่เหมือนพวกพี่สาวที่ได้รับเชิญให้ไปตัดเสื้อขุนนาง เศรษฐี หรือนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงบ่อยๆ จึงเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสความโอ่อ่าหรูหราในระดับนี้
แอ๊ด...
“เข้าไปสิ”เซเนทดันประตูบานใหญ่ด้วยมือข้างเดียว ...
“คุณจะไม่เข้าไปกับผมงั้นเหรอ?”
“ไม่...ข้าเข้าไปไม่ได้ เจ้าเข้าไปเถอะ คนๆ นั้นรออยู่ข้างใน...” ชายหนุ่มว่าพลางเบือนหน้าหนีจากประตู ...ไม่รู้เด็กหนุ่มตาฝาดรึเปล่าที่เห็นเขาหน้าแดง
นีโก้ไม่เข้าใจ สิ่งที่อยู่ข้างในคงไม่ใช่อสูรกินคนหรอกนะ? ถึงท่าทางของเซเนทจะไม่ได้บอกถึงเลศนัยอะไร ทั้งเขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นอันตรายที่อยู่ข้างในสักนิด แต่ว่า...
อึก...เด็กหนุ่มกลั้นใจเดินเข้าไปในห้อง ทันทีที่ประตูปิดห้องที่มืดสนิทก็ปรากฏแสงไฟทีละดวง
“มาแล้วเหรอ?”เด็กหนุ่มหันไปตามต้นเสียง บุคคลที่รออยู่บนบังลังก์งดงามจนแทบทำให้ลืมหายใจ
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่นั้นก็ดูตัดเย็บอย่างประณีตและพิถีพิถันที่สุด จากอัญมณีบนชุดบ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่บุคคลธรรมดาที่จะเข้าถึงได้ง่ายๆ เขามีรูปร่างหน้าตาแบบเพศกลางที่สามารถมองเป็นได้ทั้งเพศชายเพศหญิง ดวงตาสีน้ำเงินของน้ำทะเลลุ่มลึก ผมเป็นประกายสีทองและผิวเนียนดุจมุกเมื่อกระทบแสงไฟทำให้รู้สึกราวกับว่ามีออร่าตลอดทั้งตัว ทำให้อาภรณ์ทุกชิ้นที่เขาสวมใส่ดูมีค่ามากยิ่งกว่าเดิม...
นีโก้อยากให้คนๆ นี้สวมใส่ชุดที่เขาออกแบบ!
“ถวายบังคมฝ่าบาท...” นีโก้คุกเข่าอย่างนอบน้อม...แม้จะยังเกร็งเล็กน้อยแต่ความตื่นเต้นที่จะได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ก็ช่วยลดความประหม่าลงได้บ้าง
“ตามสบาย” พระราชายิ้ม “เรียกข้าว่า ไอโอเนลก็ได้ ทวดของเจ้าเป็นสหายของข้าดังนั้นไม่ต้องมากพิธี”
ท่านทวดวีลเฮล์มงั้นเหรอ!?!...เป็นไปไม่ได้น่าคนผู้นี้ดูอย่างไรก็น่าจะอายุไม่เกินยี่สิบ ไอโอเนลกลั้นขำกับสีหน้าตกใจของนีโก้ ก่อนจะบอกว่า “ข้าเป็นอมตะ”
ยอดไปเลย...นึกว่าเรื่องที่พระราชาทุกพระองค์ในราชวงศ์เอคราโทรต้องดื่มน้ำพุอมตะก่อนขึ้นครองราชย์จะเป็นเพียงแค่ตำนานซะอีก อย่างนี้ก็หมายความว่าไอโอเนลจะเป็นหนุ่มตลอดกาลน่ะสิ ถ้าเขาได้เปิดร้านแล้วได้คนที่งดงามอมตะแบบนี้ ก็แทบจะไม่ต้องหานายแบบใหม่เลย เด็กหนุ่มใจเต้นระรัวอยากลองเขียนแบบชุดใหม่เร็วๆ
“เอ่อ...นีโก้” ไอโอเนลเริ่มรู้สึกแปลกๆ “เจ้าอยากมาเป็นนักออกแบบส่วนตัวให้ข้าที่ปราสาทไหม?”
“ค...ครับ! ท่านไอโอเนล”นัยน์ตาของหนุ่มน้อยทอประกาย ประสานมือไว้ที่อกเต็มไปด้วยความหวัง เพียงได้ฟังคำตอบใบหน้าของราชาก็ระบายด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก!” ไอโอเนลรับคำ “แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องทำความปรารถนาของข้าให้เป็นจริงก่อน”
เด็กหนุ่มชะงัก เอียงคออย่างสงสัย “ความปรารถนา?” เขาต้องการให้นีโก้ทำอะไรกันแน่ อะไรที่พระราชาอย่างเขาไม่สามารถสั่งให้คนอื่นทำได้?
“ตัดเสื้อไงล่ะ!”พระราชาเอ่ยเสียงหนักแน่น
“เอ๋?! แต่ผมเป็นดีไซเนอร์ที่ตัดเสื้อไม่เป็นนะครับ!” นีโก้ตกใจ ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าพี่สาวและแม่ของเขาเป็นสุดยอดช่างตัดเสื้อแห่งยุค ขอเพียงพระราชาเอ่ยปากย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเชิญพวกเธอเข้าวัง ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงกับฝีมือเขาแม้แต่น้อย... “ให้พี่สาวตัดก็ได้นี่ฮะ?”
“อันที่จริงก่อนหน้านี้ ข้าเคยให้นีน่าและ นีเรีย...เข้าวังมาแล้ว” ไอโอเนลหลับตากลืนน้ำลาย ราวกับกำลังจะพูดถึงความทรงจำอันเลวร้ายที่ยากจะบอกกับผู้ใดได้...
3 วันก่อน
‘อรั๊ยย ท่านไอโอเนล หุ่นดีจังเลยเพคะ’ นีน่ามองเรือนร่างของไอโอเนลตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยนัยน์ตาหวานหยาดเยิ้ม และหื่นกระหายราวกับหมาป่าสาวผู้หิวโหย “อื้อหือ มีกล้ามนิดๆ นะเนี่ย”
‘อ...อื้ม’ ไอโอเนลเหงื่อแตกพลั่ก เกร็งจนไม่กล้าขยับตัว ไม่งั้นสัดส่วนใน ‘การวัดตัว’ครั้งนี้อาจคลาดเคลื่อนจนทำให้ต้องวัดใหม่อีกครั้งได้
เขาพยายามจะมองข้ามลมหายใจที่กระทบไหล่ และการโลมเลียด้วยสายตา ทว่า...
แหมะ...
‘เลือด !?’ ชายหนุ่มเงยหน้าแล้วพบว่าเด็กสาวพยายามห้ามเลือดกำเดาสุดฤทธิ์
พระราชาเล่าจบก็ถึงกับกุมขมับ
“เอ่อ...ถ้าท่านไม่โปรดพี่นีน่า งั้นนีเรียเล่า? นางเป็นคนเรียบร้อยน่าจะถูกใจฝ่าบาท” ถึงจะถามไปอย่างนั้น ที่จริงนีโก้ก็ไม่อยากให้ไอโอเนลเปลี่ยนใจสักเท่าไหร่ แต่เขาไม่มีความมั่นใจในการตัดเย็บและงานฝีมือเลยจริงๆ
“อืม...นางเป็นคนอ่อนหวาน สุภาพเรียบร้อยถูกจริตข้าจริงๆ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่านางไม่เคยตัดเสื้อผ้าให้ผู้ชายเลย...”เขาหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ
“แล้ว...?” นีโก้ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นปัญหาตรงไหน ฝีมือการตัดเย็บระดับนีเรีย มีหรือแค่แพทเทิร์นเสื้อผ้าธรรมดาๆ สำหรับผู้ชายเธอจะไม่สามารถตัดได้เลย
“เฮ้อ...” พระราชาถอนใจ ก่อนจะนึกย้อนไปเมื่อสองวันก่อน
2 วันที่แล้ว
“เป็นอะไรไป?” ไอโอเนลถอดเสื้อนอกเหลือเพียงเสื้อกล้ามเท่านั้น… “เข้ามาสิ”
“..พ..เพคะ”นีเรียหน้าแดงจัด ท่าทางการเดินของเธอช่างน่าหวาดเสียวจนดูท่าจะล้มได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว
ครืด...เด็กสาวดึงสายวัดตัวออกจากตลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ มือสั่นไปหมด ตุ้บ! ตลับสายวัดตัวร่วงตกพื้น
“ว้าย! ขออภัยเพคะ ฝ่าบาทหม่อมชั้นไม่ได้ตั้งใจ”เธอคุกเข่า เอาหัวโขกพื้นหลายครั้ง “โอ๊ย!” ศีรษะของนีเรียกระทบกับพื้นอย่างแรงจนเป็นรอยจางๆ
“ใจเย็นๆ ทำตัวปกติ” บางครั้งไอโอเนลก็ไม่เข้าใจ เป็นเพราะเขาเป็นราชาหรือผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวกันแน่? ในขณะที่ชายหนุ่มเข้าไปประคองเธอที่กำลังจะลุกขึ้น “เป็นอะไรไหม?” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อดูอาการ...
ตุ้บ!...เธอสลบล้มลงในอ้อมแขนเขาพอดิบพอดี
ใบหน้าของเธอแดงจัด ดวงตาฉายแววเคลิบเคลิ้ม พร้อมควันที่ออกจากหูราวกับกาน้ำเดือด
พอฟังจบนีโก้ก็แทบจะห้ามเสียงหัวเราะไม่อยู่ หากเขาเป็นผู้หญิงก็คงมีอาการไม่แตกต่างกัน เพียงแต่คนๆ นี้ให้ความรู้สึกบางอย่างกับเขามากกว่าฟีโรโมนที่อยู่รอบตัว นั่นก็คือ รูปร่างหน้าตาที่เหมาะกับการเป็น ‘หุ่นลองเสื้อ’ ในอุดมคติของช่างตัดเสื้อและนักออกแบบ
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้!..ถึงข้าไม่ใช้ฐานะราชาข่มเจ้า ข้าก็แก่กว่า เจ้าควรให้เกียรติผู้อาวุโส!” ไอโอเนลเชิดสีหน้าขึ้นแบบโกรธนิดๆ จนเด็กหนุ่มต้องรีบขอโทษแทบไม่ทัน...เพราะอะไรเขาถึงรู้สึกว่าทั้งรูปร่างภายนอกและจิตใจของคนๆ นี้ดูไม่ได้แก่ไปกว่าเขาสักเท่าไหร่เลย
แล้วนีโก้ก็นึกเรื่องสำคัญได้ “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงต้องเป็นคนในตระกูลรัซเซลล่ะครับ ในยุคนี้มีช่างตัดเสื้อมากมายที่ฝีมือล้ำลึกยิ่งกว่าพวกผมเสียอีก...”
“เจ้าไม่ยินดีตัดเสื้อให้ข้า?” พระราชาเลิกคิ้วสงสัย เด็กหนุ่มยิ้มส่ายหัวเบาๆ
“เปล่า...ผมยินดี ยินดีอย่างมากที่จะได้ท่านเป็นหุ่น...เอ๊ย ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นดีไซเนอร์ส่วนตัวให้ท่าน แต่ท่านก็รู้ ไม่ว่าผมจะเรียนตัดเย็บกับที่บ้านสักเท่าไหร่ก็ยังทำมันไม่ได้สักที”
“นั่นก็เพราะเรียนรู้อย่างผิดวิธีไงล่ะ ถ้าเจ้าเรียนกับข้าเจ้าต้องทำได้”เขายืดอก ยิ้มอย่างมั่นใจ
...ถ้างั้นทำไมไม่ตัดเองเลยเล่า! นีโก้สงสัยสุดขีดแต่ไม่กล้าเสียมารยาทถาม ปล่อยให้พระราชาร่ายต่อไป
“อีกอย่างถึงข้าจะอยากลองใส่เสื้อผ้าของร้าน Claire de rune หรือร้านเลิศๆ อย่าง La maison ก็เถอะ แต่ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก” พระราชาถอนใจอย่างสุดแสนเสียดาย
“...”
“นั่นก็เพราะนอกจากข้ากับเจ้าซึ่งเป็นคนตระกูลรัซเซลแล้ว ทุกคนจะเห็นชุดที่ข้าใส่โปร่งแสงหมดยังไงล่ะ”
“!!!”
+TBC EP2 แชนนอนดัสเชสและการล่าหนอนไหมอิ๊กกี้+
ผู้แต่ง : All999
ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
1 | ตระกูลรัซเซล | 06 ก.พ. 59 |
2 | แชนนอน ดัชเชสและหนอนไหมอิ๊กกี้ | 09 มี.ค. 59 |
3 | ช่างตัดเสื้อในตำนาน | 16 มี.ค. 59 |
4 | คำสาป | 23 มี.ค. 59 |
5 | เอคราโทรแฟชันวีค | 30 มี.ค. 59 |
สวัสดีค่ะ
สามย่อหน้า ตั้งแต่ที่ขึ้นต้นว่า กับกระดาษแผ่นเดียว... (ตรงที่นีโก้คิดว่าจะไม่ระแวงไอโอเนลละ) มันดูโผล่มาลุ่นๆ ไปหน่อยนึงนะ ถ้ามีเวลาลองเกลาให้เนียนขึ้นนิดนึง จะได้เป็นธรรมชาติขึ้น คิดว่าบทนี้น่าจะเร่งแต่งด้วย มีจุดไม่สมูทนิดๆ แต่เกลาก็หายแล้ว
คุณแม่เป็นเจ๊ขาโหดดี XD ว่าแต่คุณแม่แต่งเข้ามาใช่ไหม ทำไมรู้เรื่องบ้านรัซเซลเยอะจัง
หวังว่าจะได้อ่านต่อตอนที่ 6 นุ
ลวิตร์