EN09 Magiska มากิอาร์ เอกภพคู่ขนาน

จากเอกภพที่'ไมเคิล ชไวน์สไตเกอร์'อยู่ เอกภพ'มากิอาร์' ที่การใช้เวทย์มนตร์เป็นเรื่องปกติ เอกภพที่เขาใฝ่ฝันว่าตัวเองจะได้ไปอยู่ ในที่สุดทั้งสองเอกภพนี้ก็ได้เชื่อมเข้าหากันอย่างเป็นทางการแล้ว!

ผู้แต่ง

Airin_and_Arpo

0%

ตอนที่ 1/5 : บทที่ 1: ไพ ไดแมนชั่น(? Dimension)

บทนำ

มนุษย์เกิดมาพร้อมกับสิ่งวิเศษที่ติดตัวมา

พระเจ้าประทานสิ่งล้ำค่ามาให้มนุษย์ที่ถูกเลือก...ถูกเลือกให้มาเกิด

แต่ทว่า...

มนุษย์ที่ไม่มีพรสวรรค์ละ!?

พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่ถูกพระเจ้าละเลยใช่หรือไม่?

...ผู้ที่ไม่ถูกเลือก...

...ผู้ที่ถูกตราหน้าว่าไร้ค่า...

        ตั้งแต่เกิดมา ‘ไมเคิล เมธัส ชไวน์สไตเกอร์’ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนโง่หรือคนไม่เอาถ่านอย่างที่พวกคุณครูในชั้นเรียนชอบว่าพวกที่ได้คะแนนสอบไม่ดีในชั้นเรียน เขาคิดว่าตัวเองสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับคนอื่นๆรอบตัวเขา แต่เมื่อเทียบกับน้องชาย ‘เมลิก เมธิชัย ชไวน์สไตเกอร์’ ที่อายุต่างกับเขาเพียงแค่สองปีนั้น… บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเศษสวะไปเลย

        เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่จำความได้และได้รับการจับตามองว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่มีพรสวรรค์ แต่เมื่อน้องเขาเริ่มนิ้วแข็งพอจะเริ่มกดลงไปบนคีย์เปียโนได้เท่านั้นแหละ ฉายานักเปียโนอัจริยะที่น่าจะเป็นของเขาถึงได้กลายเป็นของน้องชายไปโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ที่สำคัญ การแข่งขันเปียโนรุ่นเยาว์ที่เพิ่งผ่านไปเขาได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ ส่วนน้องชายของเขาได้รับตำแหน่งชนะเลิศไปอย่างสวยงาม

เมื่อครั้งที่แม่ของเขาจ้างครูพิเศษมาสอนที่บ้าน ครูสาวที่แสนน่ารักของเขาก็เอ่ยปากชมว่าเขามีพรสวรรค์ในด้านวิชาการทุกแขนง แต่เมื่อเจ้าหล่อนเริ่มสอนน้องชายเขา เด็กชายตัวจ้อยก็กลายเป็นศิษย์เอกตลอดกาลของเธอไปในทันที และแน่นอน คะแนนสอบที่สูงปรี๊ดในโรงเรียนและใบประกาศณียบัตรที่บ่งบอกว่าน้องชายของเขาชนะเลิศรางวัลที่หนึ่งจากรายการแข่งด้านวิชาการทุกสาขาก็เป็นหลักฐานชั้นดีที่บ่งบอกว่าเด็กน้อยคนนั้นมีสมองที่เป็นเลิศแค่ไหน

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกเขาสองคนก็รักกันมาก เขาจำได้เมื่อว่าเมื่อตอนอายุสิบขวบและน้องชายของเขาอายุแปดขวบ เมลิกเอ่ยปากกับแม่ว่าเขาอยากเรียนไวโอลินมากกว่าเปียโน ทั้งๆที่ตอนนั้นเด็กชายเพิ่งชนะเลิศรางวัลใหญ่มาหมาดๆ

‘ผมอยากเล่นคู่กับพี่… ถ้าเล่นไวโอลิน ก็เล่นได้หลากหลายมากขึ้นใช่ไหมละ’

เมลิกพูดเช่นนั้น และบางที เขาอาจจะอยากเล่นไวโอลินจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นไมเคิลก็อดคิดไม่ได้ว่าเหตุผลที่น้องชายของเขาเลิกเล่นเปียโนไปเล่นไวโอลินแทนเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นน้องชายของเขาก็ทำตัวเหนือกว่าเขาในทุกเรื่องถ้าเป็นเรื่องที่พวกเขาทั้งคู่ทำเหมือนกันน่ะนะ

ถึงอย่างนั้น เรื่องความแตกต่างของพวกเขาทั้งสองก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ของเขาเลย น้องชายของเขาติดเขาแจ อาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองคนมีเพียงแม่ที่เป็นผู้ปกครองของทั้งคู่ หรือ...อาจเป็นเพราะคำว่า...

...สายเลือดเดียวกัน...

จะบอกว่าไม่รู้สึกแปลกแยกก็ไม่ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไร แต่เขาเลือกที่จะมองในมุมที่ต่างออกไป เชื่อในสิ่งที่ต่างออกไป

...มองว่า...

คนที่ไม่เก่ง ไม่ใช่คนที่ด้อยค่า

คนที่สู้คนอื่นไม่ได้ ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ

คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว

...และ...

คนที่ไม่ถูกเลือก ไม่ใช่คนที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง

...หากแต่...

คนเหล่านั้นเลือกที่จะลิขิตชะตาของตัวเอง

...เขา...

ไมเคิล เมธัส ชไวน์สไตเกอร์

...นี่คือสิ่งที่เขาเลือกที่จะเชื่อ!...

บทที่ 1 ไพ ไดแมนชั่น(π Dimension)

...สหัสวรรษที่30...

...ปี A.E. (AKADIA ERA) ที่ 3020…

ณ ประเทศเยอรมนี แคว้น บาวาเรีย



ดาวเคราะห์ชื่อว่า...โลก...เป็นเพียงรากเหง้าประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติแห่ง...’ไพ ไดเมนชัน (π Dimension)’...พวกเขาเหล่านั้นสืบเชื้อสายมาจากเหล่าบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์โลก

จากมนุษย์เชื้อสายดาวเคราะห์โลก..สู่...มนุษย์เชื้อสาย ‘ไพ ดีเอ็นเอ (π DNA)’ ซึ่งเอาตามจริงแล้วมนุษย์สองเผ่าพันธุ์นี้แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย

มนุยษ์เชื้อสายดาวเคราะห์โลก มีสองตา สองหู หนึ่งจมูก หนึ่งปาก สองแขน สองขา

มนุษย์เชื้อสายไพ ดีเอ็นเอ ก็มีเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาเหล่านี้มีมันสมองที่เฉียบคมกว่ามนุษย์ในประวัติศาสตร์พวกนั้น

มนุษย์เชื้อสายดาวเคราะห์โลกเชื่อในทฤษฏีที่ว่าเอกภพมีเพียงหนึ่งเดียว หากแต่มนุษย์เชื้อสายไพ ดีเอ็นเอเชื่อในทฤษฏีที่ว่ามีเอกภพมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งที่เกิดขึ้นใหม่และสูญสลายไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ปัจจุบันสถาบันวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องดาราศาตร์และอวกาศได้ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่านอกจากไพ ไดแมนชั่นแล้วยังมีเอกภพคู่ขนานที่อยู่ห่างจากเอกภพของเราไปไม่กี่เมตรเท่านั้น แต่เนื่องด้วยสสารที่แปลกประหลาดและกฎทางฟิสิกส์ที่ทำให้ในอดีตเอกภพทั้งสองไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้  หากแต่ไม่นานมานี้เกิดความผิดปกติของสสาร ทำให้ค่าฟิสิกส์ที่เปลี่ยนไปของเอกภพทั้งสองทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอีกเอกภพหนึ่งได้

โดยเอกภพคู่ขนานมีชื่อว่า...มากิอาร์(Magiska)

ถึงแม้จะมีการเปิดประตูเอกภพระหว่างกันอย่างเป็นทางการแล้ว หากแต่ก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นการเปิดประตูอย่างเสรี เพราะบุคคลที่จะสามารถข้ามผ่านประตูไปได้ต้องมีพาสปอร์ตรวมถึงใบอนุญาต แม้จะดูเหมือนว่าการเปิดประตูเอกภพจะทำให้สองเอกภพนี้เชื่อมถึงกัน หากแต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าพันธ์เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นติดลบ ประชาชนของไพ ไดแมนชั่นยังคงระแวดระวังคนจากอีกฝากฝั่งเพราะความพิเศษที่เหนือมนุษย์

สิ่งที่มนุษย์เผ่าไพ ดีเอ็นเอไม่มี

การวิวัฒนาการที่สูงกว่า

สิ่งที่อยู่เหนือคำจำกัดความของวิทยาศาสตร์

ที่เรียกว่า...

'เวทมนตร์' หรือ เผ่าพันธ์แห่งเอกภพคู่ขนานมากิอาร์และทางฝั่งมากิอาร์ก็ยังเห็นเราเป็นเพียงพลเมืองชั้นสอง เผ่าพันธ์ไร้วิวัฒนาการ หรือที่เรียกว่า...พวก ‘อนเวท' หรือพวกไร้เวทมนตร์

หากแต่ก็ยังมีไพ ดีเอ็นเอบางกลุ่มที่ผิดแปลกจากคนอื่น เหล่ากลุ่มคนที่สามารถวิวัฒนาการตัวเองไปในจุดที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แม้จะเป็นเพียง1.7%จากประชากรทั้งหมดในไพ ไดแมนชั่น แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ใช่!คงเรียกการริเริ่มที่สำคัญต่อมวลมนุษยชาติ!

การริเริ่มที่จะทำให้เผ่าพันธ์ไพ ดีเอ็นเอก้าวข้ามขีดจำกัด!


ปี A.E. ที่ 2800: นักวิทยาศาสตร์ในยุคสมัยนั้นค้นพบความผิดปกติของสสารและมวลสารประหลาดที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าและพลังงานมหาศาลในพื้นที่ทางชายป่าของประเทศโรมาเนีย

ปี A.E. ที่ 2808: เกิดเหตุการณ์ประหลาดข้างต้นตามจุดต่างๆในหลายประเทศ เช่น ประเทศในทวีปยุโรปตะวันตก จนถึงทางตอนใต้ ประเทศอียิปต์ และบางพื้นที่ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์และชวา รวมถึงหมู่เกาะอันดามันตอนใต้ ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสันนิฐานว่าอาจจะเกิดเป็นโพรงรูหนอนข้ามมิติเวลาได้ แต่เพียงไม่นานข่าวนี้ก็ได้ซาลงไปเพราะคนยังไม่ปักใจเชื่อ

ปี A.E. ที่  2856: เกือบ50ปีให้หลัง ด้วยความผิดปกติของสสารที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดเป็นโพรงรูหนอนที่รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกดูดหายสาบสูญเข้าไปในโพรงรูหนอน แต่เพียงในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เขาก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย เหตุการณ์นี้ประหลาดเช่นนี้ทำให้กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งนานอยู่หลายเดือน

ในปีเดียวกัน เด็กน้อยวัย12ปีก็ได้หายสาบสูญไปในโพรงรูหนอนเช่นกัน ซึ่งเด็กคนเดิมก็ได้กลับมาเล่าว่าตัวเองได้ไปเมืองที่ผู้คนใช้เวทมนตร์ได้ แต่คนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หากแต่นักวิทยศาสตร์เริ่มกลับมาให้ความสนใจทฤษฏีโพรงรูหนอนข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้ง มีการค้นคว้าอย่างลับๆระหว่างสถาบันวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องดาราศาสตร์และอวกาศและรัฐบาล

ปี A.E. ที่ 2955: อีกกว่า100ปีถัดมา มีการรับรองอย่างเป็นทางการแล้วว่าไพ ไดแมนชั่น มีเอกภพคู่ขนาน(Parallel Universe) อยู่ และได้ประดิษฐ์กระสวยเดินทางระหว่างโพรงรูหนอนเพื่อเดินทางไปสำรวจอีกเอกภพ จนไม่กี่ปีถัดมา ทางเอกภพคู่ขนานรับรู้ถึงการมีอยู่ของเอกภพไพ ไดแมนชั่นเช่นกัน จนทำให้เกิดการเปิดการประชุมระหว่างกันท่ามกลางความสัมพันธ์อันตึงเครียดเนื่องจากต่างไม่ยอมรับในวิวัฒนาการของแต่ละเอกภพ (ไพ ไดแมนชั่นเป็นด้านเทคโนโยลีล้ำสมัย แต่กลับกันด้านมากิอาร์ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเวทมนตร์และพิธีกรรมโบราณ)

ปี A.E. ที่  2966: มีการเปิดเผยชื่อเอกภพคู่ขนานการมีอยู่อย่างเป็นทางการสู่สาธารณชน โดยเอกภพคู่ขนานมีชื่อว่า มากิอาร์ ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จนรัฐบาลไพ ไดแมนชั่นได้ลงชื่อสัญญาความร่วมมือด้านการเชื่อมสัมพันธไมตรีโดยมีโครงการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยทางไพ ไดแมนชั่นได้ส่งนักวิทยาศาสตร์ไปศึกษาชีวิตความเป็นอยู่นั่นรวมถึงเรื่องเวทมนตร์ที่อยู่เหนือความคาดหมายของนักวิทยาศาสตร์ และทางมากิอาร์ก็ได้ส่งนายทหารนายหนึ่งมาใช้ชีวิตและศึกษาวิถีชีวิตที่ไพ ไดแมนชั่นเช่นกัน

ปี A.E. ที่  2975: บุคคลแลกเปลี่ยนกันระหว่างทั้งสองเอกภพรุ่นแรกถูกแรกตัวกลับและหลังจากนั้นก็ได้มีการส่งคนใหม่ไปแลกเปลี่ยนอีกเรื่อยๆ โดยมีโควตาอยู่ที่ปีหนึ่งไม่ถึง2คน

ปี A.E. ที่  2983: มีการเปิดเอกภพมากขึ้นจนกลายเป็นอุตสาหากรรมการท่องเที่ยวขนาดเล็ก รวมถึงมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ระหว่างไพ ไดแมนชั่น และมากิอาร์ ใช้เวลารวมทั้งสิ้น7ปีในการดำเนินงานและก่อสร้าง โดยรถไฟมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘รถไฟโมโนเรลรูหนอน’

ปี A.E. ที่ 3005: เนื่องด้วยความใกล้ชิดของทั้งสองเอกภพทำให้ไพ ไดแมนชั่นทำให้คนไพ ดีเอ็นเอเริ่มมีการวิวัฒนาการถึงขั้นใช้เวทมนตร์ได้บ้างจนเกิดเป็นข่าวครึกโครม ทำให้ทางมากิอาร์เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงมีโครงการแลกเปลี่ยนในระดับการศึกษาจนปัจจุบัน

...


       

'ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิวส์ อิน อเดย์ หัวข้อข่าวที่สำคัญในวันนี้คือ...ทางการรัฐบาลสหพันธรัฐไพ ไดแมนชั่นได้ลงมติร่วมกับทางกระทรวงศึกษาธิการและการพัฒนาศักยภาพของทางเอกภพคู่ขนานมากิอาร์ส่งนักศึกษาจำนวน5คนไปศึกษาต่อที่นั่น โดยนักเรียนเหล่านี้ได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงเต็มจำนวน ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี...'

ร่างสูงสมส่วนทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยล้า เรือนผมดำสนิทเฉกเช่นชาวมองโกลอยด์ทิ้งลงบนหมอนใบนุ่ม นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเทาบ่งบอกอีกครึ่งสัญชาติในสายเลือดจ้องมองไฟยังโทรทัศน์ฝังผนังเครื่องใหญ่ แต่ดูจากสายตาเลื่อนลอยของเจ้าตัวแล้ว ช่องข่าวประจำตอนเช้าไม่ได้เข้าสมองสักเท่าไรนัก เหมือนมองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว

ใช่!

การเห็นว่าเรื่องการมีอยู่ของเอกภพคู่ขนานและเรื่องเวทมนตร์วิเศษพรรค์นั้น

ไมเคิลไม่แปลกใจกับสิ่งที่ปรากฏในโทรทัศน์ที่ผู้สื่อข่าวกำลังบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับ‘พลังวิเศษ’ ‘พลังเวทมนตร์’ หรือแม้กระทั่ง ‘พลังแปลกประหลาด’ สุดแล้วแต่คนจะหาคำจำกัดความของตน

สาเหตุที่เขาไม่แปลกใจกับเรื่องที่เหมือนจะเหนือธรรมชาตินี้ เป็นเพราะแม่ของเขาปลูกฝังเรื่องที่ดูเหมือนจะบ้าๆแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แม่ของเขาน่ะ เพี้ยน! มีเพื่อนบางคนเคยพูดกับเขาแบบนี้และเด็กคนนั้นเกือบจะลงไปนอนกองแทบเท้าเขาถ้าไม่มีเมลิกมาห้ามเขาเสียก่อน แต่เมื่อมาคิดทบทวนดู ถ้ามองจากสายตาคนภายนอก มันก็อาจจะดูเป็นแบบนั้นจริงๆก็ได้

แม่ของเขาพูดเสมอว่าพวกเขาสองคนน่ะพิเศษ อาจจะเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนพูดกับลูกของตัวเองก็ได้ แต่ไมเคิลเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตอนเด็กๆ เขาและมาลิกเคยทำเรื่องที่‘คนธรรมดา’ที่อยู่รอบๆตัวเขาทำไม่ได้ อย่างเช่นการที่เมลิกทำให้แก้วน้ำที่อยู่บนชั้นลอยมาอยู่ในอุ้งมือเพราะเขาขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นไปหยิบ หรือการที่เขาสามารถทำให้ของที่อยู่ในมือของเด็กชายข้างบ้านที่แย่งของเล่นของน้องชายเขาไปหลุดออกจากมืออย่างน่ามหัศจรรย์

แม้จะเป็นแค่สิ่งเล็กๆน้อยๆแต่นั่นก็ทำให้ไมเคิลรู้ว่าทั้งเขาและเมลิกมีอะไร‘พิเศษ’หรือ‘ผิดปกติ’จากคนอื่น แม่ของพวกเขาทั้งสองคนอุทานด้วยความยินดีและเอ่ยชมพวกเขาทั้งสองในครั้งแรกๆที่เขาเริ่มแสดง‘ความสามารถอันแปลกประหลาด’นั้นออกมา แต่ก็กล่าวตักเตือนพร้อมกับขอให้พวกเขาสัญญาว่าจะไม่ใช้ความสามารถพิเศษนั้นอีกในเวลาต่อมา

‘จนกว่าจะถึงเวลาที่สมควร’ หญิงสาวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่มักประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ ‘แล้วพวกลูกจะได้ใช้ความสามารถนั่นอย่างเต็มที่แน่ๆจ้ะ’

ไมเคิลไม่ค่อยชอบใจกับความคิดนั้นเท่าไร เขาคิดว่ามันไม่เห็นจะเข้าท่าเลยที่ตัวเองมี‘ความสามารถพิเศษเล็กๆน้อยๆ’แต่ไม่อาจทำอวดคนอื่นได้ ตรงกันข้ามกับเมลิกที่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูดอย่างสุดหัวใจ เด็กชายไม่อยากถูกล้อที่โรงเรียนว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดหรืออะไรเทือกนั้น และเขาก็ไม่อยากให้พี่ชายของตัวเองโดนแบบนั้นด้วยเหมือนกัน

ดังนั้น แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก ไมเคิลก็ต้องใช้ชีวิตอย่างคนปกติดังที่แม่และน้องชายของเขาพร่ำบอกให้เขาทำ แต่เด็กหนุ่มก็ต้องยอมรับว่าการทำแบบนั้นทำให้ชีวิตเขาสุขสบาย เรียบง่าย แม้บางครั้งเขาจะรู้สึกเสียดายความสามารถอันแสนพิเศษนั้นของเขาในบางครั้งก็ตาม แต่ก็อย่างว่าละความคิดที่ว่าตัวเองมีความประหลาดมากกว่าคนอื่นถือเป็นสิ่งที่ดีละมั้ง? แต่คิดไปคิดมาการทำตัวไม่ให้แปลกประหลาดกว่าคนอื่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วละ

ชีวิตของครอบครัวชไวน์สไตเกอร์ดำเนินมาด้วยดีในฐานะคนปกติสามัญ แต่แล้วทุกอย่างก็มาพลิกผันเมื่อเมลิกอายุได้13ปี ซึ่งในตอนนั้นไมเคิลอายุได้15ปี น้องชายของเขาตัวเล็กเมื่อเทียบกับเด็กคนๆอื่นในรุ่นเดียวกัน ตรงข้ามกับไมเคิลที่สูงเอาๆและยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงเสียด้วย ดังนั้น เมื่อมองในมุมของเขาแล้ว น้องชายของเขายังเป็นเพียงเด็กเล็กๆที่ฉลาดกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง

สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้นก็คือจดหมายซองสีขาวที่มีตราสัญลักษณ์สีแดงเลือดหมูประทับอยู่ด้านหลังซอง ในจดหมายนั้นบอกเล่าเพียงว่าเมลิกได้รับเลือกให้เข้าไปเรียนในโรงเรียน‘มาร์กิออส อาร์มี’ โรงเรียนทหารที่มีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งตัวไมเคิลเองแน่ใจว่าทั้งเขาและเมลิกเองไม่มีใครรู้ว่าไอ้โรงเรียนที่ว่านี่อยู่ไหนแน่ละ

ไมเคิลรู้สึกประหลาดใจกับข่าวในตอนแรก ยิ่งตอนที่ได้รับการอธิบายจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินทางตามหลังจดหมายมาว่าโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่‘มากิอาร์’ซึ่งเป็นมิติคู่ขนานของโลกที่เขาอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ในส่วนลึกของจิตใจเขากลับรู้สึกสงบราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น และบางที ทั้งแม่และน้องชายของเขาคงจะรู้สึกแบบเดียวกันกับเขา

ในวันที่ได้รับจดหมายฉบับนั้น ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตามหลังมาเข้าไปคุยกับแม่ของเขาสองคนตลอดทั้งเย็น จนในที่สุดแม่ก็เพียงสั่งให้เมลิกไปจัดกระเป๋าทั้งๆแบบนั้นโดยที่ไม่อธิบายอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นบอกแก่พวกเขาเลย

‘แล้วลูกก็จะรู้เองเมื่อไปถึงที่นั่น’ หญิงสาวพูดพร้อมกับก้มตัวลงไปคุกเข่าเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกับเมลิก หล่อนมองสีหน้าหวาดหวั่นและไม่เข้าใจของเมลิกด้วยน้ำตาคลอราวกับคนไม่มีทางเลือก แต่ถึงจะมีทางเลือก หล่อนก็เลือกที่จะกอดเด็กชายตัวจ้อยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะจูบหน้าผากอีกฝ่ายแล้วพูดอวยพรให้เขาเท่านั้น

ไมเคิลจำสายตาของน้องชายที่มองมาที่เขาได้ดี มันเต็มไปด้วยความกลัวและไม่แน่ใจ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเมลิกต้องไปเรียนในที่ที่ไกลแสนไกล แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้รับเลือกให้ไปด้วย อย่างน้อยถ้าเขาไปด้วย เขาจะได้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรังแกน้องชายของเขา

‘ทำไมพี่ถึงไม่มาด้วยล่ะครับ’ เด็กชายเอ่ยถาม มองไมเคิลที มองแม่ที แล้วก็หันไปมองชายหนุ่มแปลกหน้าอีกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ

‘พี่ของเธอมาด้วยไม่ได้หรอก ทุนนี่สำหรับคนเดียวเท่านั้น’ อีกฝ่ายตอบเรียบๆ เกือบจะเย็นชาด้วยซ้ำแต่ไมเคิลไม่สนใจ

‘ไว้รอปีหน้า ถ้าเขาเปิดรับนักเรียนทุนเพิ่มอีกละก็ ฉันอาจจะได้ตามนายไปทีหลังก็ได้’ เขาพูด แม้ตัวเองจะไม่แน่ใจเอาซะเลย เพราะถ้าการเป็นนักเรียนทุนหมายถึงการที่เขาต้องเก่งเท่าๆกับน้องชายของเขาละก็ เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีวันได้ทุนนั้นหรอก

‘ผมอยากให้พี่มาด้วย’

‘ฉันก็อยากไปเรียนกับนาย’นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่เขาได้สนทนากับน้องชายของเขา

ไมเคิล เมธัส ชไวน์สไตเกอร์รู้เพียงแค่ว่าตัวเขาในวัย15ปีได้แต่ยืนมองน้องชายที่รักที่สุด เมลิก เมธิชัย ชไวน์สไตเกอร์ เดินออกจากไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งด้วยน้ำตานองแต่ไม่ร้องสักแอะ คนที่มาพาไปเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ หน้าตาดุดัน ใส่ชุดดูเป็นเครื่องแบบทางการราวกับทหาร แต่ที่ไมเคิลรู้สึกได้แน่ๆคือ น้องเขาจะจากไปในที่ที่ไกลจนเขาคิดว่ามันไม่ใช่แบบระยะทางการบินระหว่างประเทศเยอรมนีไปเกาะบริติชแน่นอน มันเป็นที่ที่ไกลจนอาจจะไกลเป็นล้านปีแสงก็เป็นได้

...ความรู้สึกเขาบอกเช่นนั้น…

‘ไม่เอาน่าแม่ อย่าร้องไห้สิครับ’ เด็กชายหันไปพูดกับมารดาที่ยืนอยู่ข้างตัวพร้อมกับรอยยิ้มละมุนที่ดูเศร้ากว่าปกติเล็กน้อย ‘หมอนั่นได้ทุนไปเรียนนะครับ ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจซักหน่อย’

‘แม่รู้จ้ะไมค์ แม่รู้’หญิงสาวพูดตอบ น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย ‘แม่แค่เป็นห่วงน้องเท่านั้น… โธ่ ไมค์ เมลิกน่ะเพิ่งจะอายุ13เท่านั้นเองนะ เขายัง...’

ไมเคิลเลิกคิ้วกับคำพูดที่หายไปเสียดื้อๆของอีกฝ่าย แม่เขาคงกำลังคิดอยู่สินะว่าน้องเขาทำอะไรไม่เป็นบ้าง แล้วตัวเขาเองก็นึกไม่ออกเสียด้วยสิว่าเด็กชายที่เพิ่งก้าวเท้าออกจากบ้านทำอะไรเองไม่เป็นบ้าง

อ้อ ใช่ น้องชายเขายังขับรถไม่เป็นนี่นะ เพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเริ่มฝึกได้ แต่ถ้าไปที่นู่นอาจจะขี่ไม้กวาดเหมือนพวกพ่อมดในหนังสือนิยายปรำปราก็เป็นได้ เด็กหนุ่มคิดติดตลกก่อนจะตัดสินใจชวนแม่เข้าบ้านแล้วเอ่ยปากว่าเขาหิวแล้วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย

อย่างน้อยก็เพื่อให้แม่รู้ว่า… แม่ยังมีเขาอยู่




เรื่องราววันนั้นก็ผ่านไปได้3ปีแล้ว… 3ปีที่น้องชายเขาเดินทางไปเรียนต่อในเอกภพคู่ขนาน สถานที่ที่คนในเอกภพทางนี้อยากจะข้ามไปเห็นกับตาว่าเป็นอย่างไร

รวมถึงตัวเขาเอง แต่ก็อย่างว่าแหละ คนที่ไร้ความสามารถในการวิวัฒนาการมันก็เหมือนไร้อนาคต หรือแม้แต่ไมเคิล ที่เคยคิดว่าตัวเองอาจจะมีพลังแปลกประหลาดแต่ว่าตัวเขาอาจจะเป็นแค่ของเก็บก็เป็นได้เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจจะได้ไปอยู่ที่เอกภพคู่ขนานนั่นกับน้องชายตั้งแต่สามปีก่อนไปแล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ เขาสู้น้องเขาไม่ได้หรอก

ถ้าไม่มีเมลิกเขาอาจจะเป็นหนึ่ง!

แต่ถ้ามีไมเคิลและเมลิก เขาก็จะตกไปเป็นที่สองไปทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย

ปุ๊งๆ

เสียงอาหารแพ็คสูญญกาศเกิดปฏิกริยากับความร้อนในเครื่องไมโครเวฟกำลังพองตัวขึ้น กลิ่นอาหารเริ่มส่งกลิ่นหอมอบอวล เรียกสติของไมเคิลกลับมา ร่างสูงหยัดตัวขึ้นเดินไปทางห้องครัวที่ติดอยู่กับน้องนั่งเล่น

นัยน์ตาสีฟ้าประกายเทายามต้องแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ลมหนาวเสียดกระดูกลอดผ่านช่องว่างเล็กของหน้าต่าง ฤดูหนาวในเยอรมนีเป็นอะไรที่ไมเคิลเข็ดขยาดเหลือเกิน แม้จะมีเครื่องทำความร้อนในบ้านตลอดเวลาก็ตามแต่

ติ๊ง

เสียงเตือนของเครื่องไมโครเวฟดังขึ้น มือขาวหยิบอาหารแพ็คสูญญกาศออกมา ฉีกซองออก อาหารพร้อมรับประทานก็มาวางตรงหน้า

อาหารแพ็คสูญญกาศคือสิ่งที่ช่วยให้วัยรุ่นทั้งหลาย...กินกันตาย มองดูเผินๆ หน้าตามันเหมือนซองอลูมิเนียมเล็กๆขนาดแค่2X2นิ้ว แต่หากพอโดนความร้อนแล้วมันจะค่อยๆขยายตัวขึ้นเป็นอาหารพร้อมรับประทาน ข้างๆซองจะมีเขียนชื่อเมนูติดเอาไว้ ราคาก็ถูกแพงตามความหรูหรา ถ้าเป็นหมูไก่ก็ราคาไม่กี่ปอนด์ แต่ถ้าเป็นอาหารทะเล ของหายากก็หลายปอนด์อยู่

ฐานะบ้านเขาไม่ได้รวยจนใช้สุรุ่ยสุร่ายแต่ก็ไม่ได้จนเสียจนกัดก้อนเกลือกิน บ้านที่อยู่เป็นทาวเฮ้าส์สามชั้นเล็กๆใจกลางเมือง

เขาอาศัยอยู่กับมารดาแค่สองคนหลังจากน้องชายไปเรียนต่อที่เอกภพคู่ขนานเมื่อ3ปีก่อน ส่วนพ่อน่ะเหรอ...อย่าให้พูดเลยเพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอเลย...ถ้าไม่ใช่แม่บอกว่าพ่อเขาจากไปตั้งแต่เมลิกยังไม่เกิด เขาคงคิดว่าพ่อเขาคงเป็นกระบอกไม้ไผ่หรืออะไรก็ตามแต่ มันก็ไม่ใช่ปมด้อยอะไรที่ไม่มีพ่อเพราะเขายังมีแม่เพี้ยนๆอยู่ทั้งคน เธอรักและดูแลพวกเขาอย่างดี

แม่ของเขาเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมันทำให้เธอดูไม่เหมือนคนยุโรปแต่ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นชาวเอเชีย มันเป็นความผสมที่ดูมั่วซั่วแต่ลงตัว แม่สูงเพียง165เซนติเมตร เรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังแต่เจ้าตัวชอบม้วนไว้เป็นมวย นัยน์ตาสีเทาแต่เข้มคล้ายของเมลิก (เขาเคยถามว่าแล้วทำไมของเขาเป็นสีฟ้าอมเทา ซึ่งได้คำตอบว่ามันมาจากยายของเขาที่เป็นชาวเยอรมัน แต่ตาสีเทาของแม่และเมลิกได้มาจากคุณยายทวดอีกที ส่วนคุณตาเขาเป็นทหารผ่านศึกชาวไทยที่มาแสวงโชคในดินแดนเยอรมนี จนพบรักกับยายเขา แม่บอกว่าเขาได้สีผมดำเข้มอย่างคนเอเชียมาจากตาเขานี่ละ ซึ่งมันดูจะซับซ้อนไปหน่อยแต่ก็เอาเถอะ) และต้องขอบคุณสายเลือดเอเชียที่ทำให้แม่ เขาและน้องชายไม่มีผิวตกกระแบบชาวคอเคซอยด์ ผิวของแม่เป็นสีขาวออกซีดเพราะไม่ค่อยได้ออกไปไหน

แม่เขาเป็นนักแต่งนิยายโรแมนซ์ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ที่พอมีชื่อทำให้พวกเขามีเงินใช้พอทุกเดือนอย่างไม่ลำบากมากนัก แม่มีเวลานอนที่ไม่แน่นอนนัก บางวันก็นอนเช้า บางวันก็นอนเย็น บางวันก็ไม่นอน

เหมือนอย่างเช้าวันนี้ เขาคิดว่าแม่เขายังคงใส่แว่นถ่างตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีแม้แต่ตัวอักษรผุดขึ้นมา

ไมเคิลจ้วงอาหารคำสุดท้ายเข้าปากก่อนโยนทิ้งลงถังขยะ ร่างสูงเดินแวบเข้าไปดูมารดาที่ห้อง ภาพที่เห็นก็ไม่ผิดจากที่เดาเพราะเธอกำลังนั่งจ้องหน้าจอเดสก์ทอปตาไม่ขยับ

"แม่ครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเรียก อีกฝ่ายยังจ้องจอตรงหน้าเขม็ง "แม่ หิวไหมครับ ให้ผมเอาอะไรมาให้ทานรึเปล่า"

คนถูกเรียกหันหน้ากลับมาตามเสียงเรียกอย่างเชื่องช้าก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆให้เขา

"กาแฟซักแก้วก็ดีจ้ะ"

ไมเคิลพยักหน้ารับก่อนจะผละเข้าไปในครัวกดสวิทช์กาต้มน้ำร้อนแล้วเริ่มเปิดตู้หาซองกาแฟสำเร็จรูปที่ย้ายที่อยู่ตลอดเวลาในครัว

แม่ของเขาไม่ค่อยเก็บของเข้าที่เข้าทางเท่าไร เขาหมายถึง ตัวบ้านเขาก็สะอาดดีอยู่หรอกนะถ้ามองเผินๆ แต่ถ้าเริ่มลงมือหาของอะไรซักอย่างแล้วเริ่มเปิดพวกตู้ดูแล้วละก็... บอกได้เลยว่าของทุกอย่างมันถูกโยนเข้าไปลวกๆอย่างขอไปที

ดูอย่างกระดาษเอกสารกับซองจดหมายที่อยู่ข้างซองกาแฟพวกนี้สิ ดูเหมือนแม่เขาจะอ่านค้างอยู่ตอนที่จะเดินมาชงกาแฟแน่ๆ

เด็กหนุ่มหยิบกาแฟขึ้นมาซองหนึ่งพร้อมกับหยิบกระดาษเอกสารเหล่านั้นออกมาจากตู้อย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเอากองจดหมายและเอกสารนั่นวางไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นก่อนเรียก

"แม่ครับ ผมเอาเอกสารกับจดหมายออกมาจากตู้แล้วนะครับ แล้วอย่าไปลืมเอาไว้ในนั้นอีกละ เดี๋ยวหนูจะมาแทะไปหมด" ตู้รกแบบนั้นจะมีหนูสักตัว แมลงสาบสักฝูงเขาก็ไม่แปลกใจเท่าไร

"ขอบใจมากลูก" เสียงแม่ลอดออกมาจากห้อง

"งั้นผมออกไปก่อนนะครับ" ไมเคิลบอก หลังจากชงกาแฟเสร็จแล้วยกไปวางไว้ให้มารดา

"แล้วเจอกันตอนเย็นจ้ะ"

แม่เขาบอกแบบนั้น ซึ่งทำให้เจ้าตัวคิดว่าต้องซื้ออาหารเย็นเข้ามาด้วยจะดีกว่าเพราะแม่อาจจะนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ไปถึงเย็นก็เป็นได้

ร่างสูงก้าวเท้าออกไป เหลือเพียงความอุ่นจากเครื่องทำความร้อนภายในบ้าน

กองเอกสารและจดหมายที่ทำท่าจะร่วงแหล่ไม่ร่วงแหล่เพราะคนวางไม่ได้ใส่ใจนัก และสุดท้ายมันก็หล่นลงมาจริงๆ แม้จะกระจัดกระจายมั่วไปหมด ซองกระดาษสีขาวเนียนกลับเด่นขึ้นมาเพราะสัญลักษณ์สีแดงเลือดหมูนั่น




Magiska มากิอาร์ เอกภพคู่ขนาน

ผู้แต่ง : Airin_and_Arpo


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

จังหวะดี อ่านง่าย ฉากต่อสู้น่าสนใจและปิดได้มีพลังดี

ว่าไปแล้ว แต่ละโซนของมากิอาร์นี่ใหญ่แค่ไหน เท่าประเทศในไพหรือเปล่า การแบ่งโซนเหมือนผ่านการจัดระบบมาแล้ว (อาจจะด้วยพลัง?) เพราะแยกแยะชัดเจน ที่ปลูกพืชก็ปลูกพืช น้ำก็ส่วนน้ำ เป็นการแยกที่เห็นการจงใจจัดระเบียบ หรือว่านี่คือส่วนเมือง ยังมีส่วนที่เป็นธรรมชาติกว่านี้แยกออกไป (ทางนี้ก็คิดไปเรื่อยๆ)

หวังว่าจะได้อ่านตอนที่ 6 นุ :)

ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

ตอนแรกที่อ่านบทนำ แลดูเป็นมิตรภาพระหว่างพี่น้อง บทต่อๆ มาเริ่มกลายไปเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อน เฮียรอซีนคุณน้องชายอยู่นะครับ 555 อ่อ เรื่องสนุกอ่านเข้าใจง่ายสไตล์ รร.(มหาลัย) เวทมนตร์ แคแร็กเตอร์ตัวละครและพลังหลากหลาย สนุกดีครับผม

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 25

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 126.62.156.102
    • 1 เมษายน 2559 / 21:12
    คุณยาฟุ: ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตามที่สม่ำเสมอนะคะ//กอดแน่น// เวอร์ชันนี้เดินเรื่องแบบติดจรวดมากจริงๆค่ะ 55555 ตอนนี้การแข่งก็โค้งสุดท้ายแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนต่อๆไปจะยังลงหน้านิยายตามเดิม รอติดตามต่อได้เลยยยย อิอิ แอบคิดเหมือนกันว่าตอน5นี้จะทำให้คนอ่านหน้าเก่าแบบ What!!!? อะไรทำนองนี้ ปฏิกิริยาของคุณยาฟุดีมากเลยค่ะ 555555

    คุณJoker: ขอบคุณที่มาติดตามและเป็นกำลังใจให้ตลอดนะคะ TwT กำดำเนินเรื่องนี่เป็นไปแบบ บินฉิวมากกก หลังจากนี้จะเอาตอนต่อๆไปลงหน้านิยายตามเดิมค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ ฝากตามไปให้จบเรื่องเลยค่ะ 555555

    คุณลวิตร์: ขอบคุณสำหรับโอกาสในการแข่งครั้งนี้ให้มากๆนะคะ สนุกมาก แล้วก็รู้สึกได้พัฒนาตัวเองไปเยอะมากจริงๆ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและคอมเม้นท์ต่างๆ ถ้าการแข่งนี้จบลงแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตั้งใจจะเขียนต่อไปจนจบค่ะ ตอน6ก็จะลงในหน้านิยายของตัวเองที่สร้างไว้หลายเดือนมาแล้ว ตั้งมั่นมากว่าจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอด5ตอนนะคะ หวังว่าคุณลวิตร์จะได้อ่านและสนุกไปกับตอน6ของเราต่อเช่นกันค่ะ^^

  • ความคิดเห็นที่ 24

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.173.168
    • 31 มีนาคม 2559 / 14:04
    สวัสดีค่ะ

    จังหวะดี อ่านง่าย ฉากต่อสู้น่าสนใจและปิดได้มีพลังดี

    ว่าไปแล้ว แต่ละโซนของมากิอาร์นี่ใหญ่แค่ไหน เท่าประเทศในไพหรือเปล่า การแบ่งโซนเหมือนผ่านการจัดระบบมาแล้ว (อาจจะด้วยพลัง?) เพราะแยกแยะชัดเจน ที่ปลูกพืชก็ปลูกพืช น้ำก็ส่วนน้ำ เป็นการแยกที่เห็นการจงใจจัดระเบียบ หรือว่านี่คือส่วนเมือง ยังมีส่วนที่เป็นธรรมชาติกว่านี้แยกออกไป (ทางนี้ก็คิดไปเรื่อยๆ)

    หวังว่าจะได้อ่านตอนที่ 6 นุ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 23

    ตุ๊กตาตัวตลก.Joker
    • Name : ตุ๊กตาตัวตลก.Joker < My.iD > [IP] 27.55.223.220
    • 31 มีนาคม 2559 / 02:22
    อ้าวไมเคิลไม่เป็นไรนะเดี๋ยวให้เมลิกทำแผลให้
    มัวส์เธอยังโหดเหมือนเดิม
    ไมเคิลเห็นหน้าเธอแล้ว
    แล้วทำไมหน้าถึงเหมือนกันอะเธอใช่เวทย์อะไรบางอย่างใช่ไหมบอก!!
    ถึงจดหมายที่ไมเคิลได้จะสั้นแต่ไม่มีผลอะไรกับความบราค่อนแน่นอน(ผิดๆ)
    เนื้อเรื่องอันนี้แตกต่างกับอันก่อนหน้าอยู่เยอะแต่ก็สนุกค้าาาา^^
  • ความคิดเห็นที่ 22

    ยัฟๆ
    • Name : ยัฟๆ [IP] 49.229.78.121
    • 29 มีนาคม 2559 / 20:58
    What! What! What!อะไรอะ แม่นางขาโหดยังโหดเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ไมเคิลเห็นหน้าแล้ว...แถมยังเหมือนตัวเองอีก เวทมนตร์รึเปล่านะ...หน้าแบบนั่นเมลิกคงเกลียดไม่ลงหรอกมั้ง รึจะสยองแทนดี หน้าเหมือนพี่ตัวเองเนี่ย จะว่าไปคทน. คงไม่เกี่ยวหรอกมั้ง รู้สึกเหมือนเมพึ่งรุ้เรื่องจดหมายท่าทางแปลกๆ แล้วงี้จะมีดราม่าอีกมั้ยนะ//แอบตกใจเพราะมันไวมาก ต่างจากเวอก่อนริบรับ แต่ก็ไม่ได้มีมาม่าแต่อย่างใด
  • ความคิดเห็นที่ 21

    Earnieburnie
    • Name : Earnieburnie < My.iD > [IP] 27.81.206.35
    • 29 มีนาคม 2559 / 18:56
    สนุกมากเลยค่าาา ติดตามมาตลอดเลยค่าาา เป็นเรื่องที่น่าติดตามต่อไปเรื่อยๆมากเลยค่า 
     >< ชอบมากๆๆจริงๆค่า สู้ๆค่า เป็นกำลังใจให้นะค่า
  • ความคิดเห็นที่ 20

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 210.137.211.125
    • 29 มีนาคม 2559 / 12:17
    คุณยาฟุ: ถ้าเอกภพไพล่มสลายไปเอกภพมากิอาร์ก็จะเสียสมดุลค่ะ ขอฮุบไว้ก่อน เดี๋ยวจะมีเฉลยต่อๆไปนะ >w<

    คุณลวิตร์: พยายามเร่งจังหวะแบบเนิบๆอยู่ค่ะ (งงไหม ฮาา) แต่ก็พยายามคงจังหวะกับบรรยากาศไว้ค่ะ โค้งสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ//โค้ง

    พี่ปัฐ: จริงปะเนี่ยยย เสียดายจัง คอมเม้นท์นั้นหายไปไหน ไม่เคยได้เห็น 5555 ขอบคุณมากสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ ดีใจจังที่ชอบมุกแทรกของเรา ฮาาา ยังไงก็อาทิตย์สุดท้าย ตอนสุดท้ายแล้ว ฝากด้วยนะคะ^^
  • ความคิดเห็นที่ 19

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.184.80
    • 29 มีนาคม 2559 / 09:39
    พี่ปัฐนะครับ ^ ^

    แปลกแฮะ ผมว่าหลังจากอ่านตอนที่ 2 แล้วผมมาคอมเมนต์ให้ครั้งหนึ่งแล้วนา... คอมเมนต์นั้นหายไปไหนกันเนี่ย ยังแซวเรื่อง22/7อยู่เลย? ไม่เป็นไรเนาะ เมนต์ให้ใหม่อีกครั้งละกันนะครับ หุหุหุ ^ ^!!
    เรื่องสนุกมากเลยครับ แม้จะดูเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปบ้าง แต่ชอบบรรยากาศแบบนี้แหละ ดูอบอุ่นดีครับ การต่อสู้ด้วยเวทย์มนตร์ก็เยี่ยม แอบมีปริศนาให้ชวนติดตามอีก การบรรยายของไรท์เตอร์ก็ม่ธรรมดาเลยแอบแทรกมุกขำๆ ไว้ตลอดทั้งเรื่อง สนุกมากเลยครับผม ^ ^
    จนอดแปลกใจไม่ได้ถ้าเรื่องนี้จะไม่ผ่านรอบ 6 คน... ไม่สิ ปีนี้งานแต่ละเรื่องเยี่ยมๆ ทั้งนั้น
    ยังไงก็เอาใจช่วยให้ผ่านเข้ารอบต่อไปนะครับ สู้ๆ ครับ ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 18

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.175.252
    • 24 มีนาคม 2559 / 12:51
    สวัสดีค่ะ

    รู้สึกว่าเรื่องดำเนินเป็นบรรยากาศโรงเรียนไปเรื่อยๆ อ่านสบายดี ลักษณะการเล่าเป็นการปูไปแบบยาวๆ แต่ช่วงนี้ใกล้โค้งสุดท้ายแล้ว ถ้าฮุคปมหลักเข้ามาหน่อยหนึ่งก็จะดี (แต่ถ้าจะทำให้จังหวะเสีย ก็ไม่ต้องหรอกค่ะ)

    พี่น้องเจอกันแล้ว รออ่านตอนต่อไปอยู่จ้า

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 17

    ยาฟุ
    • Name : ยาฟุ [IP] 58.8.148.34
    • 22 มีนาคม 2559 / 15:40
    รู้สึกว่าไมเคิลกวนขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก้แพ้น้อง...แอบสงสัย ที่ว่ารักษาสมดุลระหว่าง2เอกภพอะ ถ้าไพเกิดภัยพิบัติแล้วมากิเกิดอะไรขึ้นหรอ?
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 126.62.156.102
    • 17 มีนาคม 2559 / 14:04
    คุณยาฟุ: สองคนนี้ยังชอบกัดกันเหมือนเดิม แต่ไมเคิลเริ่มนิ่งขึ้นบ้างล่ะ ค่อยยังชั่ว ไม่งั้นคงได้แง้วๆใส่กัน 55555 ไมเคิลเทพขึ้นแล้วววว อันนี้คือ น่ายินดีสุดๆ 55555

    คุณเกียรติ์: ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและคำแนะนำค่ะ^^ จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาต่อๆไปค่า

    คุณตุ๊กตาตัวตลก.Joker: สองคนนี้ก็คงออกมาเป็นรูปแบบนั้นแหละค่ะ หนีไม่รอด 55555 (รักกันดีจริงจริ๊ง)

    คุณลวิตร์: ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ สำหรับจุดที่คุณลวิตร์ถามไว้คราวที่แล้วจะพยายามเสริมเข้าไปในเนื้อเรื่องต่อๆไปค่ะ แล้วก็เรื่องที่ข้อมือติดกัน... ค่ะ คิดว่าคงไม่ได้อาบน้ำกันค่ะ ส่วนธุระอื่นๆ คงต้องลองถามเจ้าตัวทั้งสองคนดูนะคะ 5555555 //โดนทั้งคู่กระโดดถีบ//
  • ความคิดเห็นที่ 14

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.84.105
    • 17 มีนาคม 2559 / 11:38
    สวัสดีค่ะ

    เรื่องอ่านง่ายสนุกดี :)

    ว่าไปแล้ว ข้อมือติดกันจะเปลี่ยนเสื้อยังไงล่ะนี่ หรือว่าไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อไปหนึ่งวัน...

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 13

    ตุ๊กตาตัวตลก.Joker
    • Name : ตุ๊กตาตัวตลก.Joker < My.iD > [IP] 223.24.22.12
    • 17 มีนาคม 2559 / 01:33
    ไมเคิลสู้ๆ^^
    แมคนี่ก็หาเรื่องกัดไมเคิลจริง
    ศัตรูในวันนี้จะเป็นมิตร(หนึ่งในฮาเร็ม?)ในวันหน้าสำหรับแมคนี่น่าจะจริงแหะ-.-



  • ความคิดเห็นที่ 12

    เกียรติ์
    • Name : เกียรติ์ < My.iD > [IP] 223.204.165.48
    • 16 มีนาคม 2559 / 15:09
    ภาษาลื่นไหล อ่านเพลินค่ะ
    แต่จุดที่คิดว่าอยากให้ปรับแก้ก็น่าจะเป็นการดำเนินเรื่อง ที่ดูเรื่อยเปื่อยเกินไป มีแต่ความสัมพันธ์ของไมเคิลและเพื่อน ๆ น่ะค่ะ เลยทำให้เรื่องดูยืดเยื้อ และมองไม่ค่อยเห็นแก่นเรื่องนะคะ 

  • ความคิดเห็นที่ 11

    ยาฟุ
    • Name : ยาฟุ [IP] 58.8.148.242
    • 15 มีนาคม 2559 / 19:48
    นอกจากกระชับเนื้อเรื่องแล้วยังกระชับความสัมพันธ์ด้วยหรอ อุฮิๆๆๆ นอนเตียงเดียวกันอะเธออว  อารมณ์ประมาณสองเราจิไม่แยกจากกัน ถถถถ เนื้อหาบางส่วนเปลี่ยนไปเยอะดีแหะ แต่สองคนนี้ก็ยังกัดกันเหมือนเดิม  รับรู้ได้ถึงความเมพของไมเคิลต่างจากก่อนหน้านี้ยังไงไม่รู้//พยักหน้า
  • ความคิดเห็นที่ 10

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.47.224.138
    • 10 มีนาคม 2559 / 12:52
    สวัสดีค่ะ

    ตอนนี้ยังเพิ่งเข้าโรงเรียน เลยยังตามเรื่องอยู่ว่าคนเขียนจะนำไปทางไหน แต่มีคำถามขึ้นมานิดหน่อย

    - วัฒนธรรมของมากิอาร์คล้ายกับไพมาก มีศิลปะนีโอเรอเนซองส์ และหัวรถจักรไอน้ำ ซึ่งคนจากไพไม่แปลกตาเลย หมายความว่านอกจากจะเป็นมิติคู่ขนานกันแล้ว ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ก็คล้ายกันด้วยใช่ไหม เพราะของพวกนี้เกิดขึ้นจากประวัติศาสตร์นะ

    - โรงเรียนทหารโรงเรียนนี้ มีเป้าหมายเพื่อฝึกสอนนักเรียนไปรบกับใคร คือปรกติแล้ว ทหารจะต้องปกป้องดูแลดินแดน แต่ดูเหมือนมากิอาร์จะมีรัฐบาลเดียว เพราะโรงเรียนทหารระบุว่าเป็นของมากิอาร์

    นิยายโรงเรียนจะมีแพทเทิร์นค่อนข้างแน่นอน ซึ่งเป็นจุดที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ ได้เปรียบคือคนอ่านคุ้นเคยระบบอยู่แล้ว รู้ว่าจะพบอะไรบ้าง แต่เสียเปรียบคือเพราะคุ้น จึงนำไปเปรียบเทียบกับนิยายโรงเรียนอื่นๆ ได้ง่าย

    ดังนั้นพยายามดึงจุดเด่นของเราที่ต่างจากโรงเรียนอื่นๆ ออกมาเยอะๆ นะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 9

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 125.206.236.61
    • 9 มีนาคม 2559 / 09:41
    Shadowlock: ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาอ่านค่าาา XD กำลังรีไรท์แบบหนักหน่วง ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะค้า

    yhafufuya: กระชับขึ้นเยอะเลยค่ะ นี่ยังไม่เท่าไร แต่ตั้งแต่ตอนต่อไปนะ... หึๆๆ ยังไงก็มาลุ้นไปพร้อมๆกันนะคะว่าหลังรีไรท์แล้วจะออกมาในรูปแบบไหน >w<
  • ความคิดเห็นที่ 8

    yhafufuya
    • Name : yhafufuya [IP] 58.8.148.41
    • 8 มีนาคม 2559 / 19:01
    เนื้อเรื่องดูกระชับขึ้นเยอะเลยค่ะ ได้เจอว่าที่คู่แท้ เอ้ย คู่หูคู่กัดเร็วขนาด ไมเคิลได้พัฒนาอย่างว่องนี่...จะรอชมเลยย ฉันเลือกนายไมเคิล!(//ไมjใช่ละ) //ไรต์สู้ๆ จะรอต่อเน้อ ฮูเล
    ปล.จะว่าไปถ้าเป็นตอนพิเศษ...
  • ความคิดเห็นที่ 7

    Shadowlock
    • Name : Shadowlock < My.iD > [IP] 103.26.22.215
    • 8 มีนาคม 2559 / 16:30
    ยังคงสนุกไม่เปลี่ยน ขอบคุณนะคะที่มีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านได้เสมอ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ( ^U^)
  • ความคิดเห็นที่ 6

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 126.123.213.66
    • 8 มีนาคม 2559 / 08:39
    Yhafufuya: อั๊ยยยย ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน (อีกรอบ)นะคะ ฮาาา รับประกันเลยว่าตั้งแต่ตอนหน้าจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป ไมเคิลจะพัฒนาก้าวกระโดดยิ่งกว่าโปเกมอนอีกค่ะ (สรุปเป็นโปเกมอน? ฮาาา)

    rw_no_jg19: เป้าหมายหลักคือพี่น้องสองคนนี้น่ะเอง 55555 ขอบคุณที่แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้เราน้าา>w< อย่าลืมติดตามต่อ ฉบับรีไรท์รับรองว่ามันส์กว่าเดิมแน่นอน

    ตุ๊กตาตัวตลก.Joker: บราค่อนเป็นจุดขายมาก ไม่บอกก็รู้เลยว่าคนอ่าน(และคนเขียน)หวังอะไรจากนิยายเรื่องนี้ 5555555
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป